ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
ท่ามกลางข่าวสารในโซเชียลมีเดีย ความวุ่นวายของการฉีดวัคซีน เดี๋ยวได้ฉีด…อีกเดี๋ยวไม่ได้ฉีด ผลข้างเคียงน่ากลัวหลังการรับวัคซีนต่างๆ การแพร่ระบาดระเบ้อเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ ทีละหลาย ๆ สิบถึงหลาย ๆ ร้อยตามชุมชน โรงงาน ไซด์ก่อสร้าง อาสาสมัครที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำรับส่งผู้ป่วยไปตรวจรักษา แจกจ่ายข้าวของจำเป็นและทำโรงครัวเฉพาะกิจ สลับคั่นด้วยประกาศเลิกกิจการ การเลิกรากับหย่าขาด กับถ้อยระบายความโกรธเกรี้ยวกราดอารมณ์เสีย
…ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มเห็นเพื่อนฝูงในเฟสบุ้กโดยเฉพาะคนอายุน้อย ๆ ที่เพิ่งเรียนจบ ไปจนถึงเรียนจบสักพักแล้วที่เรียกกันว่าเฟิร์สต์จ๊อบเบอร์ เริ่มแปะข้อความเศร้า ๆ และแสดงความสิ้นหวัง อย่างไปต่อไม่ไหวแล้วนะ ทำไมทำอะไรก็ไม่รุ่ง ทำไมเราถึงเป็นลูสเซอร์อย่างนี้ ไม่มีแรงจะสู้ต่อแล้วนะ อยากตาย พยายามจะไม่ท้อแต่ท้อ ทำนองนั้น และเห็นถี่บ่อยขึ้นตามวัน
ส่วนหนึ่งน่าจะมาถึงจุดที่คนมาถึงขีดจำกัดและรู้สึกอึดอัดสุดทน จากการต้องอยู่กับบ้านเวิร์คฟรอมโฮม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป รวมทั้งเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่แล้วเริ่มตกต่ำหนักลงอีก พร้อมกับส่งผลกระทบต่อกันเป็นลูกโซ่ไปเป็นทอด ๆ จากการปิดเมือง กึ่งปิดเมือง และเมืองที่ถูกปิดโดยปริยาย
รัฐบาลแทบไม่เคยพูดถึงความผลทางด้านจิตใจเลย ราวกับไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
ในหลาย ๆ แง่ วิกฤติโควิดไม่แตกต่างจากภัยพิบัติหายนะใหญ่ ๆ อื่น ๆ แม้แต่น้อยนิด ไม่ว่าจะการมีคนนับพันเสียชีวิต คนจำนวนมากที่ต้องอยู่โรงพยาบาล ต่อสู้ทีละนาทีในสภาวะตรงกลางระหว่างเป็นตาย ในระดับน้อยก็ต้องถูกแยกจากครอบครัวเพื่อนฝูง ความรู้สึกประหนึ่งถูกตัดขาด การถูกจำกัด ไม่สามารถพบปะกันตามใจอยาก
ในระดับที่ไม่เป็นอะไรเลยก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างในเวลาปกติ วิถีชีวิตถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนไป ไม่กลัวติดเชื้อก็กลัวแพร่เชื้อ ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้ออกไปสูดอากาศ สนุกสนานกับกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เดินช้อปปิง พูดคุย ปฏิสัมพันธ์ เว้นระยะห่างทางสังคมไม่ได้เป็นสิ่งสร้างสรรค์โดยตัวของมันเอง ไม่กระทั่งสอดคล้องกับธรรมชาติมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม และแม้เราจะอยู่ในระลอกสามแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่า ความกดดันมากน้อยจากระลอกหนึ่งและสองที่ลากมารวมกันจนถึงตอนนี้ก็ร่วมปีครึ่งแล้ว
…นานเกินไป นานเกินไปมาก
มิหนำซ้ำหนนี้หนักที่สุด ยอดผู้ป่วยไม่ลดลงเลย และอย่างที่ก็พอจะรู้กันอยู่ว่าการตรวจในแต่ละวันจำกัดจำเขี่ยงเพียงไร การต้องอยู่ในที่จำกัดไม่ได้เป็นเรื่องง่าย อยู่ในห้องนาน ๆ ก็พาลจะเบื่อหน่ายซึมเซา อยู่ร่วมกันกับครอบครัวคนรักตลอดเวลาก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ต้องอดทน คอยระแวดระวังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เรื่องไม่เป็นเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่ปัญหายามปกติอาจบานปลายใหญ่โต มิหนำซ้ำความโกรธและความเจ็บปวดยังมากกว่าการต้องรับมือกับคนอื่นที่ที่ทำงานหลายเท่า จนเรื่องเล็ก ๆ อาจกลายเป็นปัญหาชีวิตได้
ครั้นทนอุดอู้ไม่ไหวครั้นจะออกไปเปลี่ยนบรรยากาศให้คลายใจ ก็ให้หวาดระแวงกลัวจะติดโรค จะเอาอะไรเข้าปากก็กลัว จะแตะต้องหยิบจับข้าวของ เปิดปิดประตู กดลิฟท์ก็กลัวไปหมด ห้างร้านถนนหนทางก็ร้างโหรงเหรงวังเวง ยังไม่พูดถึงต้องการใส่หน้ากากคุยกัน หรือเห็นผู้คนโดยไม่เห็นทั้งใบหน้าตลอดเวลา ซึ่งมีผลกระทบทางจิตวิทยาไม่น้อย จะฉีดวัคซีนป้องกันตัวก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉีดหรือไม่ได้ฉีด ได้ฉีดแล้วจะแพ้ถึงแก่ชีวิตหรือแพ้นิด ๆ หน่อย ๆ มิหนำซ้ำภูมิขึ้นน้อยจนป้องกันการป่วยและตายไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อีก
แต่ที่แน่ ๆ วัคซีนที่ดีที่มีเป็นที่รู้กันทั้งโลกว่าไม่อาจยับยั้งการระบาดได้
สภาวะความไม่แน่นอนว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปทางไหน อย่างไร และจะสิ้นสุดเมื่อไหร่อย่างหนักนี้ดำเนินมาสองสามเดือนแล้ว วลีที่บอกแก่กันว่าไว้รอหมดโควิดก่อน มาไม่ถึงเสียที และไม่มีทีท่าว่าจะมาถึงจนสิ้นปีเป็นอย่างน้อย
ภาคธุรกิจที่อ่อนแออยู่แล้วถูกความไม่แน่นอนต้อนเข้ามุมแห่งความไม่เคลื่อนไหว สงบและสงัด นักท่องเที่ยวไม่มา คนกินข้าวสังสรรค์ไม่ได้ ไม่ออกจากบ้าน การจับจ่ายนิ่งสนิท ทำให้ร้านค้ากิจการขนาดเล็กสายป่านสั้นถึงขนาดกลางเริ่มทยอยปิดไป คนเริ่มทยอยตกงาน ชีวิตเริ่มค่อย ๆ ซังกะตาย ความหวังเริ่มค่อย ๆ เหือดหาย
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรัฐบาลเท่านั้น และงบประมาณที่เพิ่งผ่านก็จัดสรรเพื่อการต่อสู้กับโควิดและสงครามเศรษฐกิจที่มาถึงทุกหย่อมหญ้าของราชอาณาจักรแล้วนี้น้อยมาก…หมายความสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้และผลพวงภายภาคหน้าคือความรับผิดชอบของรัฐบาลนี้ทั้งหมด
ที่บ่นมาไม่มีอะไรค่ะ แค่จะบอก…ประสาคนมีชีวิตอยู่มานานพอสมควร ในยามตกต่ำยากลำบาก จะอกหักรักคุดตกงานสิ้นไร้ไม้ตอกประสาทกิน ทุกหนที่มีปัญหาชีวิต…สิ่งหนึ่งที่ทำมาตลอด และจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ คือรอค่ะ
ประคองตัวไปให้ได้วัน ๆ ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ตามตำราสุขศึกษาชั้นป.ห้า กินครบหมู่พอเหมาะและเป็นเวลา นอนเพียงพอและเป็นเวลา ขับถ่ายเป็นเวลา ออกกำลังเท่าที่ทำได้ เคลื่อนไหวให้มาก ๆ เวลาคิดวกวน คิดไม่ตก คิดมาก อารมณ์เสีย เศร้า ก็จะเอาหัวยัดเข้าไปเฮดโฟน กระหน่ำเพลงจำพวกร็อคมั่งเมทัลมั่งใส่เข้าไปหัว เปิดดัง ๆ จะได้ไม่ได้ยินเสียงความคิดเศร้าและงี่เง่าของตัวเอง ค่อย ๆ ผ่านไปทีละเพลง ทีละชั่วโมง ทีละวัน ทีละอาทิตย์ ทีละเดือน
ฝนไม่ตกตลอดกาล…คือสิ่งที่มักบอกแก่คนที่มีปัญหามาปรึกษา ในปัญหาเรามักถามตัวเองว่า ทำไมเรื่องนี้ถึงต้องเกิดกับเรา เราทำอะไรผิด จากนั้นก็แล้วเราต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้น และหลายครั้งมันก็ไม่มีทางออก นอกจากผ่านพ้น ถ้าเราผ่านพ้นมันไม่ได้…ก็ปล่อยให้มันผ่านพ้นเราไปคะ นอนนิ่ง ๆ รอ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ…ขอให้จำไว้ว่าฝนไม่ตกตลอดกาล แม้ฤดูฝนหนนี้จะยาวนาน แต่ฤดูกาลอื่นจะต้องมาถึงแน่นอน ถึงเวลาหนึ่งต้นไม้จะงอก ดอกไม้จะบาน ถึงเวลาหนึ่งสิ่งดี ๆ ก็ต้องเกิดขึ้น ต่อให้สิ้นหวัง ต่อให้ไม่สบายใจ อึดอัดคับข้องแค่ไหน ขอให้จำเรื่องนี้ไว้ ที่กำลังเกิดเป็นอยู่นี้คือสิ่งชั่วคราว
แน่นอนบางคนจะเถียงว่ามันไม่เห็นอนาคต ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นมาได้ ถึงกระนั้น…ถึงกระนั้นความคิดเศร้าๆ ที่ไม่สร้างสรรค์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี สู้กัดฟันปล่อยให้มันผ่านไป รอวันไม่แย่ รอวันธรรมดา รอวันไม่ดีไม่ร้าย ฟ้าโปร่งอากาศแจ่มใส แค่รอให้ได้แค่นั้นเอง
แน่นอนค่ะโลกไม่ได้สวยขนาดนั้น และไม่ใช่ทุกคนผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้ ขอให้มองช่วงเวลายากลำบากเป็นแบบฝึกหัดของชีวิตด้วย เรียนรู้ที่จะขอความช่วยเหลือ เรียนรู้ที่จะเกื้อกูลคนอื่น เรียนรู้ที่จะอยู่ให้รอด เรียนรู้ที่จะตอบแทนให้สาสมกับมิตรไมตรี ขอให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีสอนในโรงเรียน ขอให้ให้เกียรติตัวเองได้เผชิญ เรียนรู้ เติบโต สร้างมิตรภาพแห่งชีวิตที่แข็งแกร่งผ่านความลำบากนี้
และในฐานะประชากร เราจำต้องเรียนรู้ด้วยเช่นกัน ที่จะเรียกร้องและต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า การจัดการบริหารบ้านเมืองที่ดีกว่า การใช้สอยภาษีอากรที่ดีกว่านี้ด้วย
บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่เรารอนานเกินไปแล้ว