รัตนโกสินทร์แห่งชีวิต - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

ไม่มีที่ไหนในโลกเสมอเสมือนกรุงเทพมหานคร

มันคือเมืองที่โลดแล่นออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง ขณะเดียวกันก็ถดถอยไปข้างหลังอย่างเชื่องช้าจนดูราวกับหยุดนิ่งสนิท กรุงเทพฯ คือเมืองที่ทั้งร่ำรวย รวยที่สุดและยากจนที่สุด รุ่มรวยและแห้งผาก เดียวดายและอุ่นหนาฝาคั่ง  ก้าวหน้าและล้าหลัง สะอาดสะอ้านแวววาวขณะเดียวกันก็สกปรกรกรุงรัง งดงามยากจะหาที่ใดทามทาบพอ ๆ กับอัปลักษณ์น่าเกลียด 

กรุงเทพฯ เป็นทั้งเมืองศักดิ์สิทธิ์และเมืองบาป เป็นเมืองหลวงของศิลปะวัฒนธรรมและที่สุดของความไร้รสนิยม ทั้งรโหฐานและคับแคบ ฟุ้งเฟ้อและกระเหม็ดกระแหม่ อิสระเสรีและจำกัด ทะเยอทะยานและสิ้นหวัง เจิดจ้าและซอมซ่อ มีความเป็นไปได้ไม่จำกัดพอ ๆ กับฝันสลายไม่เลิกรา เป็นสถานอันมืดมนจนมองอะไรแทบไม่เห็น และสว่างไสวพร่าจนเราต้องหรี่ตาเวลาพูดถึง 

…มันคือเมืองที่ทั้งหลับใหลและตื่นตระหนักในคราวเดียวกัน

เมืองที่ผู้คนจากทุกหนทุกแห่งในโลกเดินทางมาเยือนและใช้ชีวิตอยู่ปะปนกับผู้คนที่ไม่เคยละทิ้งเมืองนี้ออกไปไหนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมืองที่คนเปี่ยมล้นด้วยหลงใหลใฝ่ฝันผนึกรวมอยู่กับคนซังกะตายไร้แรงบันดาลใจ เมืองที่คนดีที่สุดและร้ายกาจที่สุดกลืนหายในกันและกัน คนใจบุญและใจดำอำมหิตคบหากันเป็นมิตร เมืองที่มีคนบางคนมีบ้านหลาย ๆ หลัง  และมีคนไร้บ้านเร่ร่อนซุกหัวนอนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เมืองที่มีเด็ก คนหนุ่มสาว คนวัยกลางคน คนชรา หญิง ชาย คนหลากเพศ และไร้เพศอยู่รวมกัน 

กรุงเทพฯ คือเมืองอันเต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง คือภาพจำลองหมดจดของศูนย์กลางจักรวาล 

และนั่นก็ทำคนหลายคนเกลียดชังกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับที่ทำให้คนมากมายรักหลงใหลมัน แต่จะมีก็แต่คนที่รักเมืองนี้สุดหัวใจเท่านั้นที่จะเข้าใจ ว่าทุกสิ่งอย่างที่แน่นอัดยัดทะนานอยู่ในพื้นที่ไม่ใหญ่กว่าเมืองอื่น ๆ นี้ต่างหาก…ที่เป็นเสน่ห์อันยากจะทัดทานของเมืองฟ้าอมร 

ความมีทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นได้ทุกสิ่งทุกอย่างนี่ต่างหากที่เป็นพลังของเมือง และเหมือนสิ่งอื่น ๆ สิ่งที่เป็นพลังนี้เองที่บั่นทอนตัวมันเอง ผู้คนของมหานครต่างแยกแบ่งจำกัดตัวอยู่แต่ในเศษเสี้ยวของตน ผู้คนในด้านมืดมิดไม่เคยมีโอกาสได้ดื่มด่ำความเรืองรองของเมือง เช่นเดียวกับผู้คนในด้านสว่างไสวไม่เคยตระหนักถึงความยากลำบากของคนในหลืบเงา 

เมืองมักถูกมองว่าเป็นพื้นที่ แต่ในความเป็นจริงเมืองคือคนที่อาศัย เมืองหนึ่งเมืองไม่จำเป็นต้องมีสิ่งปลูกสร้างสวยงามหรืออาณาบริเวณกว้างไกล แต่จำเป็นต้องตอบสนองความต้องการของผู้คน  

ความต้องการพื้น ๆ ไม่วิริศมาหรา ของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา…มีงานทำ มีข้าวกินอิ่มท้อง มีอากาศให้หายใจได้เต็มปอด ห้องหับหลับนอน มีเพื่อนฝูงให้ได้พบปะพอได้พูดคุยสนทนา ปรับทุกข์บ้างบางครั้ง…อาจจะมีความรัก ถ้าโชคดีก็มีใครสักคนประดับชีวิตให้ได้วาดฝันร่วมกัน มีครอบครัวได้อยู่ร่วมอบอุ่นพร้อมหน้า ที่ทางเล็กน้อยพอให้ลูกหลานได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีเวลาผ่อนคลาย มีงานอดิเรกเพื่อที่จะได้เพลิดเพลินและค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้น กับความหวัง…ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ประดับใจให้มีแรงประคับประคองชีวิตฟันฝ่าขวากหนามความยากลำบากและอยู่เพื่อ

หากเมืองอันเต็มล้นไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างอย่างกรุงเทพมหานคร สิ่งพื้น ๆ สามัญเหล่านั้นกลับเป็นสิ่งไกลเกินเอื้อมสำหรับคนรายได้น้อย ซึ่งนอกจากจะเป็นคนส่วนใหญ่จำนวนมหาศาลของกรุงเทพ ยังเป็นแรงงานที่สร้างสรรค์และหล่อเลี้ยงเมืองให้บรรเจิดอย่างที่เป็นอยู่ เมืองขนาดเมก้านี้จะเป็นเช่นไรหากไร้แรงงาน ความหรูหรางดงามทั้งหมด ตึกรามตระการสูงเสียดฟ้า ห้างขนาดใหญ่ที่พร้อมสรรพทุกสรรพสิ่ง ใครกันที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรของเมือง ใครกันทำให้มันเรืองรองทั้งคืนทั้งกลางวัน ใครกันเก็บขยะทำความสะอาด ใครปลูกดอกไม้

…ใครกันที่กอบรั้งทุกอย่างไว้ไม่ให้ล่มสลาย

ผังเมือง ถนนหนทางสัญจรคมนาคม ไปจนกระทั่งพื้นที่สาธารณะ การเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเป็นอยู่พื้นฐานของคนจนเมืองแทบไม่เคยมีอยู่ในโจทย์พัฒนาจัดการเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกนี้  

ทุกสิ่งล้วนสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองคนหยิบมือเดียว ทุกความสะดวกสบาย ทันสมัย สนุกสนาน ล้วนมีไว้เพียงเพื่อคนที่มีอำนาจการจ่ายทั้งสิ้น

ผังเมืองที่สับสนปนเป ทำให้ทุกอย่างพุ่งเข้าหาศูนย์กลาง ใจกลางเมืองกลายเป็นศูนย์รวมทุกอย่างตั้งแต่สำนักงาน ห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน คอนโดที่พักอาศัย และทำให้ทุกตารางนิ้วที่แผ่รัศมีออกมามีราคาค่าเช่าแพงลิ่ว สำนักงานที่พอกพูนขึ้นไปในแนวตั้งเหนือห้างยังทำให้รถติดหนัก รถโดยสารสำหรับคนจนก็โกโรโกโสและไม่เคยมีเพียงพอ 

สวนสาธารณะของทั้งกรุงเทพก็มีไม่กี่แห่ง หลายแห่งเล็กกระจ้อยร่อย หลายแห่งอยู่นอกเมืองห่างไกล พื้นที่สาธารณะแบบอื่นอย่างที่ริมแม่น้ำหรือจัตุรัสกลางเมืองให้เดินเล่น หอศิลป์ ห้องสมุดก็จำกัดก็ต้อยมาก กรุงเทพมีแต่ห้าง และน่าจะเป็นเมืองที่มีห้างเยอะที่สุดในโลก ซึ่งนอกเหนือจากทุกอย่างภายในจะมีราคาแพง การจับจ่ายก็หาได้เป็นวิถีของคนทุกคนไม่ ยังไม่ต้องพูดถึงคนจนที่ไม่มีอำนาจการจ่าย    

เช่นเดียวกับที่ความเดียวดายของคนจนเมืองเป็นเรื่องไม่เคยถูกพูดถึง พวกเขาไม่มีกระทั่งที่ทางให้ได้พบปะเพื่อนฝูง  ไม่มีที่ให้พบหรือฟูมฟักความรัก เอาแค่จะดูหนังที่เป็นกิจกรรมสานความสัมพันธ์ของคู่รักทั่วไปมายาวนาน ค่าตั๋วต่อคนก็ราคาสูงเกือบเท่ารายได้ขั้นต่ำต่อวันแล้ว ที่พักอาศัยในเมืองก็แพง และคับแคบจนแทบอยู่เกินหนึ่งคนก็แทบไม่ไหว  อย่าว่าแต่จะสร้างครอบครัวหรือรับรองเพื่อนฝูง หากออกไปอยู่นอกตัวเมืองคนรายได้น้อยซึ่งทำงานมากชั่วโมงกว่าคนรายได้สูงอยู่แล้วก็ต้องเสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีกวันละหลายชั่วโมง     

คนจนถูกตัดออกจากบริบทพื้นฐานความเป็นเมือง และยิ่งขาดแคลนพื้นที่ในเมืองเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่ถูกมองเห็นมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งไม่ถูกเห็นก็ยิ่งถูกทับซ้อนซ่อนพรางลงไปอีกหลาย ๆ ชั้น….จนราวกับไม่มีตัวตนอยู่ ไม่มีเมืองไหนในโลกอีกแล้วที่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าซึ่งเป็นขนส่งสาธารณะจะมีราคาสูงจนคนได้รายได้ขั้นต่ำไม่สามารถใช้บริการได้ 

ทุกปัญหาของเมืองค่อย ๆ หยั่งราก ชอนไช แผ่ขยายไปข้างในกันและกัน รวมกลืนเข้าหากันอย่างช้า ๆ มานานร่วมครึ่งศตวรรษ จนจับต้นชนปลายไม่ได้ หากนึกภาพไม่ออกก็ขอให้นึกถึงขยุ้มสายไฟที่เห็นได้ทั่วไปตามเสาไฟฟ้าของเมือง  แบบนั้น…จะสะสางก็แทบไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี มิหนำซ้ำนับวันปัญหาต่าง ๆ ยังสร้างปัญหาลูกที่เติบโตจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปเรื่อย ๆ อีกด้วย ความแออัด สุขภาพ ค่าครองชีพ ยาเสพติด คนไร้บ้าน โสเภณี อาชญากรรม 

ชีวิตชีวาของกรุงเทพมหานครคือผู้คนที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเมืองอันน่าทึ่งนี้ แต่ความอารยะศิวิไลซ์ขึ้นอยู่กับการจัดการให้คนทุกคนในเมืองสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสง่างาม มีศักดิ์ศรี มีความรื่นรมย์ตามประสา และเติบโตงอกงามได้ทัดเทียมกัน 

ภาพของกรุงเทพที่มีอยู่ในใจเสมอไม่ได้เป็นภาพสำเร็จรูปแบบใดแบบหนึ่ง ไม่ใช่ภาพถนนโล่ง หนทางสะอ้าน ตึกระฟ้า ไม่ใช่กระทั่งสวนสาธารณะร่มรื่น  หากเป็นทัศนียภาพในความนึกคิด…ของเมืองที่เต็มไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่คนทุกคนสามารถได้ใช้สอยประโยชน์ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นร่วมกัน

เมืองแบบนั้น แบบที่กรุงเทพไม่เคยเป็น