The Passenger
โรสนี นูรฟารีดา
มืดมิด
จนสายตาของคุณคุ้นชินกับความมืด
ยาวนาน
จนคุณเรียนรู้วิธีการคลำหาเส้นทางในเงาสลัว
เย็นเยียบ
จนกล้ามเนื้อทุกมัดสั่นเทา
สงัดเงียบ
จนคุณชำนาญการกลั้นหายใจ
ซอยแบ่งพื้นที่ขนาดพอดีตัว
เคลื่อนขยับในพื้นที่จำกัดจนช่ำชอง
ส่งสัญญาณการมีตัวตนแผ่วเบา
กลืนไปกับเสียงกล่อมเมืองอื้ออึงไม่ได้ศัพท์
เพลงที่เพราะคือเพลงที่คุณร้องได้
อาหารที่อร่อยคืออาหารที่ช่วยต่อชีวิต
มื้อต่อมื้อ
วันต่อวัน
นานจนลืมนับ
ไม่มีแสงใดตกกระทบเรตินา
ม่านตาจึงหยุดเคลื่อนไหว
ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตกไม่สำคัญ
กลางวันจึงมีค่าเท่ากับกลางคืนทุกมิติการรับรู้
คุณยืนอยู่ตรงนั้น
อีกฟากฝั่งของมหาสมุทร
จ้องมองมายังเรา
ด้วยกระแสสำนึกชุดเดิมชุดเดียวที่คุณมี
มืดมิดและยาวนานจนอึดอัด
เด็กๆ ของคุณจึงไขว่คว้าหาแหล่งกำเนิดแสง
ปลดพันธนาการแห่งความสลัวรางออกจากดวงตา
เปิดพื้นที่ให้สีสันทุกวรรณะได้แสดงตัว
แออัด
คุณยัดเยียดความอดทนทั้งหลายลงในหัวใจดวงเล็ก
กำหนดคำขวัญและหน้าที่ให้เต้นตาม
แล้วแต่จังหวะเพลงกล่อมเมืองทั้งหลายจะแห่แหนพาไป
เย็นเยียบจนยะเยือก
ร่างกายป่วยไข้จึงตั้งคำถามถึงความอดทน
ในเมื่อพื้นที่อบอุ่นยังพอมี
เหตุใดจึงไม่เคลื่อนที่ไปพักพิง
นานจนลืมนับ
คุณปิดตาตัวเอง
และยินดีใช้ชีวิตต่อไปในความมืด
ขอเพียงกินอิ่มนอนหลับ
ไม่ขัดข้องว่าอาหารมื้อนั้นจะตัดต่อพันธุกรรมมาจากไหน
เรายืนอยู่ตรงนี้
อีกฟากฝั่งของมหาสมุทร
จ้องมองไปยังคุณ
ด้วยกระแสสำนึกชุดใหม่ซึ่งคุณแสร้งมองไม่เห็น
ย่ำรุ่งของเรากำลังมา
ความมืดค่อยๆ ถอยร่น
ความหนาวเหน็บกำลังจะถูกแทนที่
เพดานถูกเปิดออก
แขนขาของเราจะไม่ต้องขดงอ
เสื้อผ้าทุกชุดจะถูกตัดใหม่ตามไซส์เจ้าของ
เพลงที่เพราะคือเพลงที่เราอยากฟัง
อาหารที่อร่อยคืออาหารที่เราพึงใจอยากกิน
อัสดงแห่งการกดขี่มาถึงแล้ว