เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายอย่าง แต่หลัก ๆ แล้วเกี่ยวกับคนโง่
จึงต้องบอกกันไว้เสียแต่เนิ่น ๆ ว่า เป็นเรื่องง่ายเหลือเกินที่จะป่าวประกาศว่าคนนั้นคนนี้โง่บัดซบ
ถ้าเพียงแต่เราหลงลืมไปว่าการเป็นมนุษย์นั้นยากบัดซบแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อเราพยายามจะเป็นมนุษย์ที่ดีพอใช้เพื่อใครอีกคน
นี่คือคำโปรยจากหนังสือ เรื่อง Anxious People – ยอดมนุษย์วายป่วง เขียนโดย เฟรียดริค บัคมัน ของสำนักพิมพ์ Merry-Go-Round Publishing ที่ทำให้เราตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
จริง ๆ เราก็เป็นคนที่อ่านหนังสือแนวนิยายบ้าง แต่การที่จะหยิบนิยายมารีวิว ทำให้เราคิดหนักมากก.. กลัวว่าจะเล่าได้ไม่ดี (ตัวละครมันเยอะ) แต่สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เพราะว่าเราก็เป็นคนหนึ่งที่วิตกกังวล
ก็เลยอยากรู้ว่าตัวละครในเรื่องนี้ มันจะขนาดไหนกันเชียว ! !
ในหนังสือเล่าเรื่องจากสถานการณ์ ๆ หนึ่ง ที่มีโจรมาบุกปล้นธนาคาร แล้วหนีไปยังอพาร์ตเมนต์แถว ๆ นั้น ซึ่งที่นั่นก็ดันมีคนมาดูห้องพอดี ถ้าเล่าแค่นี้อาจจะดูเหมือนเนื้อเรื่องไม่มีอะไร แต่ผู้เขียนเขียนเก่งมากกกก โยงเรื่องราวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนแค่เกิดขึ้นภายใน 1 วันเชื่อมโยงไปถึงเบื้องหลังของผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ของแต่ละคนว่าแต่ละคนมีปูมหลังยังไงถึงมาดูห้องที่อพาร์ตเมนต์นี้ จากตอนแรกที่หนังสือควรจะซัก 50 หน้า ก็กลายเป็นเกือบสี่ร้อยหน้าไปเลย
เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงก่อนส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ มีโจรปล้นธนาคารคนนึงโดนสามีนอกใจ จนทำให้หย่าร้างกัน และผนวกกับเธอมีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งในหนังสือเล่าถึงปูมหลังลึก ๆ ของโจรคนนี้ว่า จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจมาปล้นธนาคาร เขาแค่จนตรอกไม่รู้ว่าจะหาเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องยังไง เพราะถ้าเขาไม่มีที่อยู่ เขาก็กลัวว่าสิทธิ์การดูแลลูกจะตกไปอยู่กับคนเป็นพ่อ แต่อะไรก็ไม่เท่าพอไปปล้นธนาคาร แล้วธนาคารนั้น ดันเป็นธนาคารไร้เงินสด ซึ่งแสดงว่าไม่มีเงินสด พอเห็นเป็นเช่นนั้นบวกกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรแจ้งตำรวจ โจรก็เลยหนีไปยังอพาร์ตเมนต์แถวนั้น จนทำให้ไปเจอกับกลุ่มคนที่มาดูห้องที่อพาร์ตเมนต์พอดี กลุ่มคนกลุ่มนั้นก็เลยถูกจับเป็นตัวประกันโดยปริยาย ถ้าให้คะแนนความเป็นโจร ถ้าอ่านจบเราจะบอกได้เลยว่าเธอไม่มีคุณสมบัติของความเป็นโจรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเหล่าตัวประกันล้วนแต่บอกว่า เธอเป็นโจรประสาอะไร
เหล่าตัวประกันไม่ได้มีความกลัวโจรคนนี้เลยซักนิด เรื่องของแต่ละคนต่างหากที่ดูวุ่นวายมากกว่าการโดนจับเป็นตัวประกันซะอีก
ซอรา : หญิงสาวอายุราวห้าสิบกว่า มีหน้าที่การงานใหญ่โตเป็นถึงผู้บริหารธนาคาร ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนที่มาซื้อห้องในอพาร์ตเมนต์นี้เท่าไหร่ การมาดูห้องอพาร์ตเมนต์ถือเป็นการหาประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิตของเธอ เธอมีชะงักอะไรบางอย่างกับหน้าที่การงานของตัวเอง การอนุมัติเงินกู้ การปฏิเสธการกู้เงินของลูกค้าธนาคาร นั่นแหละที่ทำให้จู่ ๆ เธอก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เพราะลึก ๆ แล้วเธอรู้สึกว่าเธอเป็นต้นเหตุให้ชีวิตของคนบางคนล้มเหลว จนถึงขั้นกระโดดสะพานฆ่าตัวตายหรือเปล่านะ
อันนา-ลีนา + โรเกร์ คู่รักสูงวัยที่เกษียณจากงานแล้ว ก่อนหน้านี้อันนา-ลีนามีหน้าที่การงานที่ดีมาก จนเมื่อทั้งสองมีลูกและหน้าที่การงานของอันนายังไปได้ดี โรเกร์ก็ปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่งของตัวเองเพื่อมาช่วยเลี้ยงลูก ดูแลบ้านเพื่อให้หน้าที่การงานของอันนาดำเนินต่อไปได้ แต่เมื่อลูกโตในระดับนึง และงานของอันนาดำเนินไปได้ด้วยดีแล้ว ก็ถึงคราวที่โรเกร์จะอยากมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานบ้าง แต่มารู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้โรเกร์เป็นคนที่ได้รับความยอมรับในที่ทำงานเสมอมา แต่ในที่สุดเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งบริษัทก็ไม่ได้ให้เขาไปต่อ เขาโดนถูกให้ออกจากที่ทำงาน เขาจึงรู้สึกมีปม เพราะเมื่อเขาต้องออกจากบริษัท เขาคิดว่าเดี๋ยวบริษัทก็ต้องมาขอให้เขากลับไปทำงานอีก แต่ความจริงคือในที่สุดบริษัทก็สามารถหาคนมาแทนเขาได้แบบไม่ยากเย็น เมื่อความจริงมันปรากฏอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า โรเกร์รู้สึกว่าความชราพรากอะไรจากเขาไปหลายอย่าง ด้วยเหตุนี้อันนา-ลีนาก็เลยชวนโรเกร์ซื้ออพาร์ตเมนต์มาทำการลงทุน เพื่อทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอีกครั้ง
ยูเลีย + โร คู่รักรุ่นใหม่ (หญิง-หญิง) อีกคู่ที่กำลังหาห้องอพาร์ตเมนต์ให้กับครอบครัว และยูเลียกำลังจะมีลูกน้อย ในวัยเด็กยูเลียมีปมเรื่องครอบครัวของเธอ แม่ของเธอถูกพ่อทำร้าย แต่แม่ก็ห้ามเธอไม่ให้เกลียดพ่อของตัวเอง ซึ่งเธอจะตั้งมั่นไว้ว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้นกับลูกของเธอเป็นอันขาด
เอสเตล หญิงสูงวัยอายุ 87 ปี เธอมีข้ออ้างในการมาดูอพาร์ตเมนต์ว่ามาดูห้องให้ลูกสาว ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เธอมีห้องอพาร์ตเมนต์อยู่แล้ว และเธอยังรู้สึกทำใจไม่ได้กับความจริงที่ว่าสามีของเธอ ได้จากเธอไปนานแล้ว เธอยังคิดว่าเขายังอยู่กับเธอเสมอ เขาเคยเป็นเสียงสะท้อนของเธอ แต่เมื่อเขาจากไปทุกอย่างก็เงียบลง
เลนนาร์ต ที่ถูกจ้างโดยอันนา-ลีนา ให้ปลอมตัวใส่หัวกระต่ายมาสร้างสถานการณ์ก่อกวน เพื่อให้อันนา-ลีนา สามารถต่อรองราคาค่าห้องกับนายหน้าได้ ก่อนหน้าที่เขาจะมารับทำงานพวกนี้ เขาเคยเป็นนักแสดงมากความสามารถคนนึงมาก่อน แต่เมื่อเจอวิกฤตเศรษฐกิจก็ทำให้เขาต้องทำงานพวกนี้เป็นงานเสริมเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่เป็นตำรวจ ที่ชื่อ ยิมกับยัก ทั้งสองพ่อลูกกัน และอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเพราะคนเป็นแม่/ภรรยา ได้ตายจากไปแล้ว ยิมผู้เป็นพ่อไม่เคยอยากจะให้ลูกชายของเขาเป็นตำรวจแบบเขาเลยซักนิด ส่วนยักอยากเป็นตำรวจเพราะเขาอยากช่วยคน และเขาเคยช่วยคนที่คิดจะกระโดดสะพานไว้ได้ จริง ๆ แล้วยักมีพี่สาวแต่เธอก็ได้จากไปแล้วเช่นกันด้วยฤทธิ์ของยาเสพติด เขารู้สึกผิดที่ช่วยพี่สาวเอาไว้ไม่ได้
นาเดีย คนที่มาเป็นนักจิตวิทยาเพราะเธอเคยเป็นคนที่เคยคิดกระโดดสะพาน ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าเธอตัวคนเดียวเสมอ โชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนมาช่วยเธอรั้งจากการกระโดดไว้ได้ทัน ซึ่งนั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอฝึกฝนจนเป็นนักจิตวิทยา เพื่อจะได้ช่วยชีวิตคนอื่น
ลอนดอน : พนักงานธนาคารสาว ที่ติดมือถือขนาดหนักจนแทบจะไม่มีเพื่อนทั้งในชีวิตจริงหรือแม้แต่กระทั่งในออนไลน์ ดูเป็นคนไม่ค่อยรู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่เท่าไหร่ และลอนดอนนี่แหละที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจ
ในระหว่างเกิดสถานการณ์น่าตึงเครียดนั้น เหล่าตัวประกันและโจรก็ยังอุตส่าห์แลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตกัน คิดดูว่าในสถานการณ์แบบนี้ยังมีแก่ใจมาเล่าเรื่องสาระทุกข์สุขดิบกันอีก เรื่องราวของสถานการณ์การจับตัวประกันจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปหาหนังสือเล่มนี้อ่านกันแล้วแหละ
พออ่าน ๆ ไป ผู้อ่านจะรู้สึกว่า เราอาจเป็นใครก็ได้ในหนังสือเล่มนี้ เราอาจไม่ได้เป็นใครคนใดคนหนึ่งเลย แต่เราอาจเป็นทุกตัวละครในเรื่องนี้ ในแต่ละสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป เหล่าประโยคพวกนี้แหละ ที่ทำงานกับภายในของเรา
เราอาจเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันตัวละครหลาย ๆ ตัวในเรื่องนี้
เพราะทุกเช้าที่เราลืมตา ชีวิตก็รออยู่ตรงหน้า… เราไม่มีเวลาคิดหรือแม้แต่จะหยุดคิดหยุดหายใจ
อืม…เราก็รู้สึกว่าตัวระบบทุนนิยม หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องวิ่งแทบจะตลอดเวลา พอจะหยุดก็จะรู้สึกผิดกับตัวเองหน่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่การหยุดบ้าง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยซักนิด
เราทุกคน ลึก ๆ แล้วแทบทุกคนถามตนเองด้วยคำถามเดียวกัน
ฉันดีหรือเปล่า
ทำให้ใครภูมิใจไหม
มีประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่…
ฯลฯ
ลึก ๆ แล้วเราอยากเป็นคนดี อยากเป็นคนใจดีต่อผู้อื่น
พอตั้งคำถามพวกนี้ ก็รู้สึกว่าเราคาดหวังกับตัวเองมากเกินไปหรือเปล่านะ…
ตอนที่เราเป็นเด็ก เราปรารถนาจะโตเป็นผู้ใหญ่และตัดสินใจทุกอย่างด้วยตนเอง แต่เมื่อได้เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราจึงตระหนักว่านั่นแหละ คือส่วนที่แย่สุดของการเป็นผู้ใหญ่ การที่เราต้องมีความเห็นตลอดเวลา
นั่นน่ะสิ…
ว่ากันว่าตัวตนของคนคนหนึ่งคือผลรวมของประสบการณ์ แต่นั่นไม่เป็นความจริง อย่างน้อยก็ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าอดีตเป็นสิ่งเดียวที่นิยามความเป็นตัวเรา เราจะไม่มีทางทนตัวเองได้ เราจำเป็นต้องได้รับอนุญาตให้เชื่อว่า เราเป็นมากกว่าความผิดพลาดที่ได้ทำในวันที่ผ่านมา ว่าเราคือสิ่งที่เราจะเลือกในครั้งต่อ ๆ ไป เราคือวันพรุ่งนี้
เราก็ต้องใจดีกับตัวเองบ้างเนอะ
ทุกคนในอพาร์ตเมนต์ต่างก็มีปมปัญหาเป็นของตัวเอง มีปีศาจและความวิตกกังวลของตนเอง
สำหรับเรา เรายกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือประเภทที่ปลอบประโลม อย่างที่เราบอกไปว่าบางเหตุการณ์ของบางตัวละครเราก็รู้สึกมันเชื่อมโยงกับเราอยู่เหมือนกัน พออ่านไปแล้วมันรู้สึกโดนเรา เราก็รู้สึกว่า เราไม่ได้เจอแบบนี้ หรือเป็นแบบนี้อยู่คนเดียว ไม่มีชีวิตของใครสมบูรณ์แบบหรอก ทุกคนต่างเคยมีบาดแผลทั้งนั้น ทุกคนก็พยายามจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด แม้ว่าบางทีเราจะพยายามใช้ชีวิตให้มันดีแค่ไหน แต่ก็มักจะมีปัญหาหรืออะไรเข้ามาขัดเสมอ แต่เราทุกคนก็ต้องพยายามใช้ชีวิตกันต่อไป
จงอนุญาตให้ตัวเองสูดหายใจลึก ๆ เพราะในที่สุดเราก็ผ่านวันนี้ไปอีกวัน…
และพรุ่งนี้ยังมีอีกวันที่รออยู่
หนังสือบอกกับเราแบบนั้น…
หนังสือ: ยอดมนุษย์วายป่วง (Anxious People)
นักเขียน: Fredrik Backman
แปล: โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล
สำนักพิมพ์: Merry Go Round Publishing
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี