ฤดูกาลเปลี่ยนไปแบบแปรปรวน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เราต่างเป็นเศษส่วนของความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น โลกทุนนิยมหมุนเร็วและขับเคลื่อนด้วยเรื่องที่ต้องทำมากกว่าเรื่องที่อยากทำ ในหนึ่งวันผู้คนมากหน้าหลากอารมณ์เดินขวักไขว่กระทบไหล่ไปมาฤดูฝนแวะเวียนมาอีกครั้ง ฝนแรกของปี 2568 มาเยือนแล้ว
ลานีญา เอลนีโญ หมุนสลับแวะมาทายทัก ไม่เคยมาพร้อมหน้าราวกับเป็นความสัมพันธ์ของพี่น้องที่แยกขาดกันไม่ได้ แต่พอคุยกันทีไรเป็นอันต้องมีเรื่องขัดคอจนต้องแยกย้าย
: ลานีญา เธอจะมาพร้อมฝนกระหน่ำ
: เอลนีโญ เขามักมาพร้อมความแห้งแล้ง
สวัสดีลานีญา ปีนี้เธอมาเร็วจัง!? ยังไม่ทันผ่านเดือนที่สองของปี เธอก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมสายฝนช่วงเปลี่ยนฤดูกาล เปียกปอนชุ่มฉ่ำ สำหรับคนอกหักหลังวันวาเลนไทน์มาหมาด ๆ คงชอบอยู่ไม่น้อย เพราะเธอมาทันเวลาพอดี เธอช่วยพาฝนมาตกอาบแก้มพลางความเศร้าและคราบน้ำตาหลังการจากลา
แต่สำหรับชาวนาชาวไร่คงไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะเธอมาไวไปจนเตรียมแปลงปลูกไม่ทัน แม้พอไล่ฝุ่นไปได้ช่วงนึงแต่อาจทำให้พืชพรรณรอน้ำนานขึ้น หลังมีข่าวว่าเธอจะพาฝนทิ้งช่วงตกไม่ตรงระยะไถแปลงหว่านกล้า
ส่วนเราเป็นมนุษย์ออฟฟิศที่ไม่ชอบเปียกแต่ชอบมองเม็ดฝน เรามักตระเตรียมให้ตัวเองอยู่ใต้ชายคาก่อนฝนจะมาถึง พกร่มตามพยากรณ์อากาศ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาคลาดเคลื่อน ฝนเทมาแบบมืดฟ้ามัวดิน ช่วยไม่ได้เราก็แค่ต้องรู้ว่ามันจะเปียกยอมรับการเปียก แต่จากนั้นก็จะวิ่งหาที่หลบฝนเพื่อให้เปียกปอนน้อยที่สุด มันไม่ใช่การวิ่งหนี เพียงแต่ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเปียกจนเปลืองหัวใจ
รักตัวเอง เริ่มต้นจากตรงนั้น
ยากไม่มากไม่น้อยกับการฝึกฝน
ยากราวกับการสร้างบ้าน บ้านที่ปลอดภัยบ้านที่สบายใจ ซึ่งมันเริ่มต้นได้จากตัวเราเอง
หากวันใดที่โลกไม่เป็นใจ หรือท้องฟ้าไม่สดใส ฉันพร้อมที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เธอได้พักพิง ข้อความบนปกหนังสือ เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน ชวนให้ตั้งคำถามว่า ฉัน คือตัวฉัน เสียงในหัว เทวดาประจำตัวของเรา หรือฉันที่เป็นเขา เธอ เป็นคนอื่นที่พร้อมรับฟังเรื่องราวในวันแสนยาก
ข้อความสุดท้ายที่ไม่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้คือคำตอบที่ว่า ‘ฉัน’ เท่ากับ ‘ตัวเราเอง’

บ้านที่ปลอดภัยและสามารถหลบฝน ไม่ใช่บ้านที่ฝากไว้กับตำรวจหรือบ้านที่มีเพื่อนบ้านน่ารัก แต่เป็นบ้านที่มีโครงสร้างมั่นคงตามหลักวิศวกรรม บ้านที่วิเคราะห์การโหลดน้ำหนักจากปัจจัยแรงโน้มถ่วง แรงลม การเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยา น้ำหนักโหลดบรรทุกต่อสิ่งก่อสร้างทั้งคน รถยนต์และสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงปัจจัยทางธรรมชาติ
การเลือกวัสดุก่อสร้างให้เหมาะกับสภาพการใช้งานก็จำเป็นเช่นกัน ดังนั้นหากจะสร้างความปลอดภัยให้บ้านเราต่างต้องสวมบทวิศวกรเสียก่อน
ส่วนที่สำคัญที่สุดของบ้านคือโครงสร้าง
ไม่มีส่วนไหนหรือเรื่องราวไหนในชีวิตที่ไม่สำคัญ
ปูนและน้ำ ประกอบกันเป็นซีเมนต์
ทรายและดินเหนียว รวมกันเป็นอิฐ
อิฐและซีเมนต์ รวมกันก่อเป็นกำแพง
ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณเกิดจากสิ่งเล็ก ๆ ทั้งหลายประกอบกัน
บ้านที่อยู่ อาหารที่กิน หนังสือที่อ่าน
คุณเองก็ถูกประกอบขึ้นจากสิ่งเล็ก ๆ เหล่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นทุกสิ่งที่พบเจอ หรือทุกสิ่งที่นำเข้าร่างกาย…ผมเคยเห็นบ้านที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะถูกตกแต่งให้น่าอยู่ เริ่มจากโซฟา โต๊ะ และตกแต่งไปทีละห้องจนสมบูรณ์
ทุกการเริ่มต้นไม่มีสิ่งใดเป็นรูปเป็นร่างหรอก
แต่สิ่งที่เห็นตอนเริ่มต้น คือเป้าหมายที่ชัดเจน…
‘เพราะทุกสิ่งที่สวยงามมีจุดเริ่มต้นจากความไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น’
ถ้าเป้าหมาย คือการสร้างบ้านที่ปลอดภัยสำหรับตัวเอง ก็ต้องบรรจงลงใจกับการตอกเสาเข็ม อะไรที่สำคัญกับเรามาก เมื่อสิ่งนั้นขยับเพียงนิดก็ทำให้เราเปียกปอนจนชุ่มได้ เลือกขบคิดพูดคุยกับตัวเอง คุยกับคนสำคัญในความสัมพันธ์นั้น แล้วจะพบที่ทางเหมาะ ๆ ในการตอกเสาเข็ม ก่อผนังทำฝ้าคลุมหลังคากระเบื้อง
บ้านที่ปลอดภัยแต่ละหลังใช้เวลาในการก่อสร้างไม่เท่ากัน บางคนมีเวลาให้ตัวเองมากหน่อยก็อาจแค่ 1 ปี บางคนมีเวลาเพื่อตัวเองน้อยหน่อยก็อาจต้องใช้เวลา 10 ปี ค่อย ๆ สร้างแบบไม่ต้องรีบด่วนที่จะเห็นความสำเร็จ จะช้าหรือเร็วเราต่างต้องอยู่กับบ้านหลังนี้ไปตลอดชีวิต สร้างไม่ดีหลังคาก็จะรั่วเป็นรูให้ฝนเทลงมาจนถึงพื้นห้อง
จะเริ่มสร้างบ้านตอนอายุ 40 50 หรือ 60 ก็ยังไม่สาย ไม่สำคัญว่าเราจะมีบ้านที่ปลอดภัยหลังแรกตอนอายุเท่าไหร่ ความสำคัญมันอยู่ตรงที่เราจะได้โอบกอดตัวเองในบ้านหลังนั้น

โอบกอดตัวเองเมื่อรัตติกาลมาเยือน ใช่ไหมที่เราต่างสนิทกับกลางคืนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนเด็ก ๆ ไม่คุ้นชินกับเวลากลางคืน
พอโตมาก็มีโอกาสได้ทำความรู้จักมากขึ้น
เวลากลางคืนให้ความสงบ ให้คำปลอบใจ
ให้ได้คุยและถกเถียงกับตัวเอง
ให้ได้ร้องไห้และคิดถึงอนาคต
อาจเพราะว่าเงียบเลยได้ยินเสียงหัวใจชัด
อาจเพราะว่าเงียบเลยฟังเพลงได้ไพเราะ
ตอนนี้สนิทกับเวลากลางคืนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ต้องเปิดไฟนอนตลอดคืนแล้ว
กลางคืนมืดสนิทโดยเฉพาะเมื่อฝนมาเยือน คนสมัยนี้นิยมบ้านแบบที่มีกระจกบานใหญ่ให้ได้มองออกไปข้างนอก นอกหน้าต่างในวันฝนตกช่างเศร้าปนเหงา เสียงฟ้าคำรามทำให้ไม่อยากก้าวเท้าออกนอกชายคา
เด็กน้อยอุดหูเพราะกลัวเสียงฟ้าฝน
เราในวัย 30 กว่า ๆ มองฝนแบบไม่กลัวฟ้าอีกต่อไป
เราเห็นความจริงตรงหน้าว่านี่คือฝน นี่คือฟ้าแลบฟ้าคำราม เรารู้ว่าการยืนหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่หรือยืนท้าฝนอยู่กลางแจ้งเสี่ยงโดนฟ้าผ่าตายได้ หลบฝนในชายคาบ้านหลังน้อย ๆ น่ะปลอดภัยสุดแล้ว มองออกไปจากใต้ชายคาบ้าน แล้วครุ่นคิดว่าเสียงฟ้าคำรามดังขนาดนั้นเกิดจากอะไร
อ่อ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร โลกตรงหน้ายังไม่แตก
ฟ้าผ่าพร้อมเสียงร้องเสียงก้องหูเพราะเกิดจากอากาศที่ขยายตัวแบบด่วนจี๋ พร้อม ๆ กับการถ่ายเทอย่างรวดเร็วของประจุไฟฟ้าจำนวนมากในก้อนเมฆ เมื่อยอมรับความจริงตรงหน้า ความกังวลก็ค่อย ๆ คลายตัว โลกยังไม่แตก และที่แน่ ๆ ยังมีพรุ่งนี้ เดี๋ยวลมก็พัดผ่านไป เหลือเพียงความรู้สึกที่ใคร่มองฟ้าหลังฝน มองฟ้าในวันธรรมดาแล้วโอบกอดตัวเอง
เกือบจะง่วงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกนิด
ใช่ ตรงที่มีกระจกบานใหญ่กั้นฝน คิดถึงคนข้างนอกที่กำลังพยายามสร้างบ้านที่ปลอดภัยแต่ยังสร้างไม่เสร็จ เมื่อเราอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้วเราถึงจะโอบกอดผู้อื่นได้เต็มอ้อมแขนเพราะไม่อย่างนั้นชีวิตในพื้นที่โล่งแจ้งอาจทำเราตายทั้งคู่ การเคารพในความรู้สึกของตัวเองเท่ากับไม่ทำร้ายผู้อื่นเช่นกัน กล้ามเนื้อหนังตาบนเริ่มเมื่อยล้าหลังใช้งานอย่างหนักในการมองฟ้าพิจารณาฝน
ราตรีสวัสดิ์ลานีญา คืนนี้เธอกระหน่ำลงมาได้เต็มที่ เพราะเธอไม่ใช่ความเศร้าปนเหงาของเราอีกต่อไป แต่เม็ดฝนที่เธอพามาเยือนทำให้อากาศเย็นสบายจนชวนให้ดำดิ่งยามนิทราเสียแล้ว
ปิดไฟนอน

ลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ แล้วพบว่า ลานีญาจากไปแล้วเมื่อคืนนี้
เธอจางหายไประหว่างเรายอมรับความจริงตรงหน้า แล้วจากไประหว่างดวงจันทร์สลับตำแหน่ง และยอมรับว่าพระอาทิตย์ต้องเจิดจ้าแทนแสงจันทร์ในระยะ 12 ชั่วโมง/วัน ครึ่งปีจากนี้ลานีญาจางหายไปพร้อมฝน ผู้คนจะพูดถึงแค่เอลนีโญที่หอบความร้อนแล้งมาตั้งรกราก

บ้านที่ปลอดภัยไม่พังทลายเมื่อเธอไม่อยู่ตรงนี้ เพราะโครงสร้างภายในความรู้สึกนึกคิดของบ้านที่แน่นหนามั่นคง เมื่อก่อตัวอย่างแข็งแรงก็ช่วยให้การตกแต่งภายนอกสำหรับรับแดดร้อนที่มากับเอลนีโญเป็นเรื่องไม่ยาก การปรับเปลี่ยนตกแต่งภายนอกเกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับเราเป็นพวกมนุษย์ขี้เบื่อแต่เปล่าเลย งานของสถาปนิกเริ่มต้นตามบริบทแห่งยุคสมัย ไม่ใช่เพราะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเธอหรอกนะลานีญา
สภาพอากาศแปรปรวนของโลกจะหนักแค่ไหน? บ้านที่ปลอดภัยยังคงเป็นชายคาที่โอบกอดเราอย่างอบอุ่นประนีประนอมกับตัวเราเอง และไม่กังวลถึงวันฝนพร่ำอีกต่อไป
ถ้าไม่ใจร้ายกับตัวเองเกินไป งานสร้างบ้านที่ปลอดภัยก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
ถ้าไม่ใจร้อนจนเกินไป งานสร้างบ้านที่ปลอดภัยก็ไม่ต้องรีบเสร็จในวันพรุ่งนี้ก็ได้
ชอบทั้งเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก
เพราะได้เห็นสิ่งหนึ่งกำลังเกิดขึ้นและสิ่งหนึ่งกำลังจบลง
อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ อยากอยู่ตรงกลางระหว่างการเกิดขึ้นและจบลง
เพราะบางทีที่เป็นอยู่ตอนนี้มันอาจจะดีแล้ว
Playread: เราต่างเป็นพื้นที่ปลอดภัยของใครสักคน
ผู้เขียน: บ้านข้าง ๆ
ภาพประกอบ: yeahkitayeah
จัดพิมพ์: Springbooks
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี