ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
เรื่องที่ร้ายกาจมากเกี่ยวกับประเทศเรา คือเราไม่สอนเด็ก ๆ ให้มีงานอดิเรก เราสอนเด็ก ๆ แต่ให้เรียน ยิ่งกว่านั้นยังห้ามกับสอนว่าการทุ่มเทใช้เวลาเพื่อความเพลิดเพลินเจริญใจอย่าง อ่านการ์ตูนหรือเล่นเกม เป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลา
พอโตเป็นผู้ใหญ่ สังคมก็ให้ค่านิยมว่าต้องตั้งใจทำงาน ทุ่มเทให้กับงาน พอว่างจากทำงานก็เลยไม่รู้จะทำอะไร ทำได้แค่เดินห้าง หาซื้อข้าวของประดามีที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากได้จริง ๆ กินบุฟเฟต์มีทั้ง ๆ ที่ไม่อร่อย กลับบ้านมาไม่มีอะไรทำก็มาอยู่สุมรวมกันในโซเชียล อวดรูปอาหารที่กิน ร้านกาแฟ แมวหมา เสื้อผ้าหน้าผม
เสร็จก็อ่าน ไลก์ แชร์ข้อความของบรรดาคนท็อกสิกที่มุ่งสร้างความแตกแยก หาเรื่องว่าคนเพื่อหาแสงมาสาดส่องตลอดเวลา และทำให้เรารู้สึกมีตัวตนขึ้นมา …ไม่กี่นาที ด้วยการเลือกข้าง ตั้งแต่เรื่องครอบครัว เพื่อนฝูง ไปยันการเมืองการปกครอง และกลายเป็นคนท็อกสิกไปด้วยอีกคนโดยที่เราเองก็ไม่ทันรู้ตัว
เราไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าการทำงานเพื่อเงินเป็นแค่อาชีพ มันคือการหาเลี้ยงชีพ ไม่ได้มีผลตอบแทนทางใจ และการจับจ่ายเงินทองที่ทำงานยากลำบากหามาได้กับสิ่งที่ก็ไม่ได้อยากได้ก็ไม่ได้เป็นการให้รางวัลตัวเอง แต่เป็นค่านิยมปลุกปั่นจากการตลาดของสังคมทุนนิยมต่างหาก
เรามองไม่ออกด้วยซ้ำว่าการเลือกข้าง ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือต่อต้านต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นทำ ๆ กันอยู่ทุกวินาทีทุกกระผีกริ้นของสิ่งที่เรียกว่าโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ทำให้เรามีความหมายมีความสำคัญขึ้นมาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังแยกเราออกห่างจากกันและกันออกไปทุกที
เราไม่ถูกสอนให้สนใจใช้เวลาที่เหลือจากการทำงานสร้างสรรค์ หรือเข้าใจคุณค่าความสำคัญของการสร้างสรรค์
การสร้างสรรค์แบบการออกกำลังกายจริงจังในระดับเป็นนักวิ่ง นักกล้าม นักกายกรรม ทำงานศิลปะ …วาดรูป ปฏิมากรรม ปั้นหม้อ ไห แก้วน้ำ หรือทำงานหัตถกรรม …ปักดอกไม้ ถักถุงเท้าผ้าพันคอ หรือร้องรำทำเพลง …เต้นเกาหลี ร้องลิเก ขับเสภา เล่นดนตรี …ไวโอลิน เปียนโน กลอง กีตาร์ ปลูกต้นไม้ ต่อโมเดล …เรือใบ เครื่องบินรบ ยานอวกาศ เล่นเกมกระดาน ต่อจิ๊กซอว์ภาพจักรวาล เขียน …บันทึกสั้น ๆ บทกวี ประวัติศาสตร์ครอบครัว นิยายสักเรื่องอาจจะถ่ายรูป เรียนภาษา ทำเค้ก ขนมปัง ดองกิมจิ ไข่เค็ม หมักซี่อิ๊ว สปาเก็ตตี้เส้นสด
…อะไรสักอย่าง ไม่สำคัญหรอกว่าอะไร ขอให้ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ในชีวิตก็พอ
การหมกมุ่นทุ่มเทสร้างสรรค์ต่างหากที่จะทำให้เรารู้สึกถึงความสามารถ คุณค่าของเรา และการได้ทำสิ่งที่ชอบต่างหากที่ทำให้เราเพลิดเพลินเจริญใจ ไม่เบื่อหน่าย …ซังกะตาย การทำสิ่งหนึ่งยาวนานพอยังช่วยให้เราค้นพบข้อจำกัด ความเปราะบาง ความเข้มแข็ง รวมทั้งศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ของตัวเอง
การสร้างสรรค์ต่างหากที่ทำให้คนรู้สึกมีค่ามีความหมาย
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่ขอแนะนำ คืองานอาสาสมัคร อ่านหนังสือเสียงให้คนตาบอด เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง เป็นพี่เลี้ยงเด็กสลัม ล้างบ้านหลังน้ำท่วมลด ช่วยงานชุมชน มูลนิธิต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคนกำลังประสพปัญหาชีวิต …ต่อให้หนักหนาสาหัสถึงขั้นอยากตาย เห็นมามากละ …ดีขึ้นทันตาทุกราย
ที่สำคัญคือมีโอกาสได้ตระหนักในคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนอื่น นั่นต่างหากที่ช่วยให้เราตระหนักในคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเอง
งานไม่ได้รับผลตอบแทนช่วยให้เราได้มีโอกาสอยู่เพื่อและทำเพื่อคนอื่น ได้ออกจากตัวเอง จากปัญหาขี้หมูรา ความคาดหวัง ผิดหวัง และความเพ้อเจ้อไร้สาระของตัวเอง …อย่างน้อยก็ชั่วเวลาสั้น ๆ
ในเวลาสั้น ๆ ที่เราไม่ต้องหมกมุ่นตัดสินผู้คน ครุ่นคิดก่นด่าโลกที่ไม่มีอะไรได้อย่างใจ หงุดหงิดกับบรรดามนุษย์ท็อกสิก เสียอกเสียใจกับผู้คนเฮงซวยผุพัง
ในเวลาสั้น ๆ ที่เราจะสร้างสรรค์สิ่งดี สิ่งงาม สิ่งมีคุณค่าแม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ทดสอบความอดทน มองเห็นความตั้งใจ เรียนรู้สร้างเสริมทักษะใหม่ ๆ
ในเวลาสั้น ๆ ที่เราไม่ต้องสนใจแต่ตัวเราเอง
พอดีว่ามันเป็นฤดูกาลตามหาเป้าหมายสำหรับปีถัดไป ส่วนใหญ่พบว่าหลาย ๆ คนมุ่งหวังจะพัฒนาตนไปเป็นคนที่ดีกว่าเดิม แล้วพอปลายปีก็ทำไม่ได้ บางทีการริเริ่มงานอดิเรกบางอย่าง การใช้เวลากับการสร้างสรรค์บางอย่างจะช่วยให้เข้าใจว่าการเรียนรู้ สร้างทักษะ การทุ่มเท มุ่งมั่น การลงมือทำ และทำอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ อาจเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่หายไปของการพัฒนาตนเองของเราก็เป็นได้
สวัสดีปีใหม่ 2567 ขอให้เป็นปีที่มีโอกาสได้อ่านกันมาก ๆ เป็นปีการได้ค้นพบตัวเอง ขอให้สามารถเก็บกำความหลงใหลใฝ่ฝันไม่ให้มอดดับ และเป็นปีที่มีความหวังเจิดจ้าประดับใจ