ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
เผอิญไปเห็นคำถามแชร์กันในเฟซบุ๊กว่า ’เราควรทำอย่างไรกับคนเก่งที่ท็อกซิกในบริษัท’ ซึ่งก็กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกว้างขวางกันพอสมควรทีเดียว
คำจำกัดความคน Toxic (ท็อกซิก) หรือเป็นพิษในออฟฟิศ โดยสังเขปคือมนุษย์ขี้นินทาว่าร้าย ช่างตัดสินทุกสิ่งอัน ถึงขั้นทำตัวเป็นตำรวจคอยตรวจประพฤติตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมไปยันการทำงาน วัน ๆ คอยนั่งจับผิดคนโน้นคนนี้ ใครอย่าได้ทำอะไรพลาดแม้เล็กน้อยนี่ก็จะคอยเอาไปฟ้องนาย กับขยายความให้เพื่อนร่วมงานรู้กันทั้งบริษัท ใช้อารมณ์และเจ้าอารมณ์ ขี้บ่น ไม่เคยชื่นชมใคร ชอบดราม่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ชอบพูดเยาะเย้ยถากถางเสียดสี เรื่องดีเอาเข้าตัว…เรื่องชั่วโยนให้คนอื่น ขี้โม้ บ้าโอ่ อวดตัวไปพร้อม ๆ กับกดคนอื่นให้ตกต่ำ ชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวคนมาเม้าท์มอย แน่นอนขี้อิจฉา เห็นใครดีกว่าไม่ได้ แล้วยังชอบควบคุม ชอบให้ทุกคนทำตาม
พูดง่าย ๆ คืออีโก้สูง เป็นศูนย์กลางจักรวาล ซึ่งจะว่าไปก็แค่ขาดความมั่นใจ ขาดรัก กับนิสัยไม่ดี
กลับมาที่คำถามใหม่ …แล้วเราจะทำอย่างไรกับคนเก่งที่ท็อกซิก คำตอบคือเขาไม่เก่งอย่างที่แสดงออก
ประการแรก มันไม่มีคนเก่งจริง ๆ ที่ท็อกซิกหรอกในโลกนี้ มีแต่คนขี้โอ่ พูดให้ตัวเองดูดี หรือหนักกว่านั้นคือเคลมผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เก่ง ๆ จะท็อกซิกทำไม อีกเรื่องที่มักเห็นคนเหล่านี้เล่นใหญ่เป็นประจำคือป่าวประกาศความภักดีต่อบริษัท ทั้ง ๆ ที่สิ่งนี้ไม่ได้มีระบุในขอบเขตการทำงานว่าพนักงานจะต้องจงรักภักดีกับบริษัท บริษัทจ้างพนักงานและเรียกร้องผลงานตอบแทนตามค่าจ้าง …ไม่ใช่ความรักและภักดี และอย่างไรก็ตามคนจำพวกอ้างความภักดีต่อให้ไม่ท็อกซิกก็มักไม่ค่อยมีความสามารถสักเท่าไหร่
คนท็อกซิกจะเก่งอย่างที่แสดงออกหรือชอบโอ่อวดได้อย่างไรในเมื่อไม่ค่อยได้มุ่งมั่นทำงาน คนเก่งจริง ๆ ไม่ว่าแขนงไหนจะไม่มีเวลามาวุ่นวายเรื่องเม้าท์มอยไร้สาระจับผิดพรรค์อย่างที่กล่าวข้างต้นแสวงหาการยอมรับหรอก เขาจะทำงาน ทำงาน และทำงาน ปล่อยให้ผลงานสร้างความเคารพนับถือให้ตัวเขา กับเอาเวลาว่างไปอ่านหนังสือ สังสรรค์สังคมพูดคุยกับคนเก่ง ๆ คนอื่น ๆ พัฒนาตนเอง
มิหนำซ้ำคนเก่งจริง ๆ ยังมักจะมีงานทำมากกว่าหนึ่งที่ด้วย
ประการที่สอง คนท็อกซิกไม่มีทางมีทีมที่ดี วัน ๆ คอยยุ่งกับการสร้างศัตรูเยี่ยงนี้ ชัดเจนว่าเป็นคนที่น่ารำคาญ น่ากลัว น่ารังเกียจ ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว หรือซ้ำร้ายกว่านั้น…ไม่อยากให้ความร่วมมือ คำว่าบริษัทแปลว่าทีม …หนึ่งทีมใหญ่ที่ประกอบกันขึ้นจากหลาย ๆ ทีมย่อย ต้องอาศัยการประสานงาน สปิริตแบบนักกีฬา มนุษยสัมพันธ์ อันเป็นสิ่งที่คนท็อกซิกไม่มีไม่ทำ ส่วนใหญ่คนท็อกซิกไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำ…ทั้งข้างนอกและในที่ทำงาน มิหนำยังไม่มีมือขวาหรือลูกน้องคู่ใจ ได้คนดี ๆ มาไม่เท่าไหร่ก็ลาออกหนีไปอยู่ที่อื่น อาจมีสมุนบ้างคนสองคน ก็จะนิสัยคล้ายกัน มาตรฐานผลงานประมาณกันคือไม่โดดเด่น
คนจะเก่งต้องได้รับความร่วมมือจากคนอื่นถึงจะเก่ง คนเราเก่งคนเดียวไม่ได้ …มันเป็นไปไม่ได้
ประการสุดท้าย คนเก่งจำเป็นต้องมีทัศนคติดี สร้างสรรค์ มีความจริงใจ ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือจริงใจกับตัวเอง รู้ข้อดีข้อด้อยของตัวเองถึงจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นคนเก่งกับเขา คนท็อกซิกไม่จริงใจกับใครทั้งนั้น ความพยายามทั้งหมดของเขาไม่ใช่แค่กดคนอื่นลงเพื่อให้เห็นตัวเขาเองดีกว่าเหนือกว่าเท่านั้น แต่เขายังหลอกตัวเองด้วย
สรุปว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนท็อกซิกจะเก่งอย่างที่เคลม …จบ
ต่อคำถามว่าทำไมคนแบบนี้ถึงได้รับการโปรโมท หรืออยู่รอดได้ในบางบริษัท ส่วนหนึ่งมาจากการเมืองในบริษัท บริษัทต่าง ๆ ของเราล้วนอุดมไปด้วยเรื่องชิงดีชิงเด่นภายใน หากมองภาพใหญ่จะเห็นหัวหน้าที่อยู่สูงกว่าคนนี้ขึ้นไปอย่างหัวหน้าฝ่ายไปจนถึงผู้จัดการมักเป็นคนไม่เก่งเช่นกัน เขาจำเป็นต้องเก็บคนแบบนี้ไว้เพื่อปกป้องตัวไม่ให้โดยเลื่อยขาเก้าอี้ และกันไม่ให้คนที่ดีกว่าแซงหน้าข้ามขั้น
ต้องไม่ลืมว่าผลพวงหนึ่งของการเมืองของประเทศทำให้คนสามารถได้งานทำเข้ามามีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ๆ ได้ผ่านระบบพวกพ้องเส้นสาย มากกว่าแข่งขันหรือตัดสินกันที่ความสามารถจริง ๆ ดังนั้นการสร้างระบบการเมืองในบริษัทเพื่อรักษาตำแหน่งงานที่ได้มาแบบไม่บริสุทธิ์นักจึงจำเป็น แม้เรื่องนี้จะเห็นได้ชัดเจนตามหน่วยงานราชการ แต่พอเวลาผ่าน ระบบพวกพ้องเส้นสายก็ไล่ลามทั่วไปในบริษัทเอกชน และทุกที่ไม่เว้นแม้แต่บริษัทต่างประเทศ หรือหน่วยงานสำคัญ ๆ ระหว่างประเทศที่ดูน่าจะมีระบบระเบียบความตรงไปตรงมามากกว่า
ต่อคำถามว่าแล้วจะต้องทำอย่างไรกับคนท็อกซิก ถ้าบริษัทมุ่งมั่นที่จะได้ความเป็นเลิศ ไม่สนใจใส่ใจที่จะให้พนักงานเอาเวลาไปเล่นการเมืองกันอย่างกับเป็นรัฐบาล ก็คือให้ออกไป ง่าย ๆ แค่นั้น และจำเป็นมากที่จะต้องทำเช่นนั้น เพราะคนแบบนี้รังแต่จะบ่มเพาะบรรยากาศการทำงานที่ไม่สร้างสรรค์ เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่คนท็อกซิกไปเที่ยวทะเลาะกับใครต่อใคร ก็ใครต่อใครทะเลาะกันเองเป็นกลุ่ม ๆ อยู่รอบ ๆ ในที่สุดทุกคนก็หมดเวลาไปกับการเบาะแว้งกันจนไม่ได้เนื้องาน ไม่รวมความเป็นทีมที่ถูกทำลายย่อยยับ
…แล้วบริษัทจะเป็นบริษัทได้อย่างไร
กระนั้น ต่อให้เก็บเอาไว้ โดยเหตุทางการเมืองเพื่อการเมืองอย่างที่ว่าหรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็จะยังเห็นว่าโดยทั่วไปคนท็อกซิกจะเติบโตไปได้ไม่ไกล เขาจะโดนสกัด จะมีคนคอยสกัดเขาให้อยู่กับที่ไม่ให้เติบโตเสมอ ถ้าไม่ใช่โดยเจ้านายของเขาเองที่เป็นคนง่อนแง่นอยู่เป็นทุน ก็คนที่เขาเคยทำไม่ดีด้วยไว้ที่รอดและเติบโตขึ้นไป รวมทั้งสมุนตัวดีของเขาเองที่เรียนรู้ที่จะทำกับเขาอย่างที่เขาทำกับคนอื่น
หรือไม่อย่างนั้นก็โดยมนุษย์ท็อกซิกด้วยกันคนอื่น ๆ ถ้าบริษัทหนึ่งเลือกเก็บคนท็อกซิกเอาไว้ เขาก็จะไม่เก็บไว้แค่คนเดียวหรอก รับรองต้องมีมากกว่าหนึ่ง ต้องไม่ลืมว่าบริษัท ‘ใช้’ พนักงาน บริษัทไม่ได้เป็นครอบครัว ไม่ได้จ้างคนมาเพื่อรักใคร่ใยดี แต่คือใช้ประโยชน์
แม้แต่คนเปราะบาง จิตใจไม่มั่นคง นิสัยไม่ดีก็ยังต้องมีประโยชน์บางประการถึงจะยังจ่ายให้อยู่ได้
ที่น่าดีใจคือบริษัทใหม่ ๆ ในยุคสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีที่ทางให้การเมืองในออฟฟิศสักเท่าไหร่อีกแล้ว และไม่สนใจเรียกร้องความจงรักภักดีจากพนักงานอีกแล้วด้วย คนท็อกซิกเลยจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ การแข่งขันที่เข้มข้นในปัจจุบันไม่ได้จำกัดวงแค่ในประเทศ แต่ขยับขยายออกไปภูมิภาค ทวีป และโลกทั้งใบ และทำให้บริษัทดี ๆ เรียกร้องต้องการคนทำงานที่เก่งจริง ๆ มาร่วมทีมยิ่งยวด พอ ๆ กับจำเป็นต้องสร้างและพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งรวดเร็วอีกด้วย
ในสภาพการณ์เช่นนี้พนักงานท็อกซิกจะเป็นเฟืองพัง ๆ อันดับแรกที่จะถูกกำจัดทันทีที่ตรวจจับเจอ