ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
ผลการจัดอันดับทักษะความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ (EF English Proficiency Index) ปี 2021 ซึ่งเก็บข้อมูลและจัดอันดับจากผลทดสอบทักษะความสามารถของผู้ร่วมทำแบบทดสอบกว่า 2 ล้านคน จาก 112 ประเทศ/ดินแดน โดยสถาบันสอนภาษาอังกฤษ EF พบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 100 จาก 120 ประเทศ
…อันดับต่ำเกือบจะที่สุดในโลก
หลังโลกาภิวัฒฒน์ผ่านมาสามสิบปี หลังมีอิเตอร์เน็ต หลังการต่อเชื่อมเลื่อนไหลเป็นผืนเดียวกันของโลกทั้งใบ หลังพรมแดนทางกายภาพเริ่มไร้ความหมาย และพลโลกคือวิถีใหม่ พื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ประทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของโลกกลับตกอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าสื่อสารแทบไม่รู้เรื่อง
เรื่องล้มเหลวหนึ่งคือทัศนคติการเรียนรู้ที่ผิดพลาด ไม่สร้างสรรค์ และไม่เคยได้รับการแก้ไขของเราเอง เราไม่ให้ความสำคัญกับการรู้ ได้รู้ มีความรู้สักเท่าไหร่ ถ้าใครสักคนบอกว่าจะเรียนอะไรสักอย่าง แทนที่เราจะกล่าวชื่นชม เรากลับบูลลี่หยอกเย้ากลับแบบที่ชาวโลกเขาไม่ทำกัน ไม่ว่าจะเป็น จะรู้ไปทำไม หรือ รู้ไปก็เท่านั้น หรือ เรียนมากๆ ระวังเป็นบ้านะ โดยเฉพาะถ้าจะเรียนภาษาก็จะค่อนขอดว่า อยากจะเป็นแอร์เหรอ (บางครั้งยังทำสีหน้าหมิ่นว่าหน้าตาขี้เหร่ขนาดนี้อย่าหวัง) หรือ อยากได้ผัวฝรั่งเหรอ ในขณะที่คนในประเทศเจริญและก้าวหน้าทางความคิดอย่างยุโรป ผู้คนปกติจะรู้ภาษาต่าง ๆ โดยเฉลี่ยถึงสี่ภาษา โดยไม่สนใจว่าจะได้ใช้ภาษานั้นไหมหรืออย่างไร ประโยชน์ของการเรียนคือการได้รู้…ฟูลสต๊อป
นอกจากไม่ชื่นชมการมีความรู้ เรายังถึงกับมีคำที่ให้ความความหมายด้านลบเกี่ยวกับการมีความรู้มาเป็นคำตำหนิด้วย อย่าง รู้มาก และ สู่รู้ กระทั่งเอาความไม่รู้มาใช้ประโยชน์ปกป้องตัวเองด้วย อย่าง ไม่รู้ไม่ผิด และที่แย่ที่สุดคือเราไม่รู้สึกอับอายที่รู้น้อย หรือรู้สึกผิดที่ไม่รู้ กระทั่งผู้นำของประเทศ เมื่อเร็ว ๆ นี้ตอนเพิ่งกลับจากการประชุมระดับโลกมา ก็ยังถึงกับพูดออกสื่อหน้าตายว่าไม่รู้ภาษาอังกฤษก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างไรเลย …มีล่าม
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งสูงสุดและสำคัญที่สุดของประเทศ เป็นตัวแทน เป็นหน้าเป็นตา มีหน้าที่เชื่อมประเทศและประชาชนกับโลกที่เหลือ เมื่อได้ฟังทัศนคติแบบนี้…เราถึงจะเข้าใจว่าเหตุใดหลายปีมานี้ประเทศเราจึงมีตัวตนอยู่ในโลกนี้น้อยลงไปทุกที …อย่างที่เห็น ในมิตินี้ไทยจะไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมพูดคุยลับสุดยอดกับผู้นำประเทศอื่น ๆ ได้เลย เพราะมันจะไม่มีทางเป็นการหารือลับได้…อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีล่ามเข้าไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยอีกหนึ่งคน นึกเล่น ๆ ว่าถ้าเกิดล่ามคนนั้นเป็นสายลับ …จะของรัสเซีย อเมริกัน จีน หรือซาอุดิอารเบียก็แล้วซึ่งก็มีแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง …สายลับไม่ได้มีแต่ในหนัง หรือเอาแค่แปลความผิดไปไม่ตั้งใจ ซึ่งก็มีสิทธิ์มากที่จะเกิดเพราะท่านนายกพูดจาภาษาไทยกลั้วกล้ำลิ้นคับปากฟังเข้าใจยาก …แค่นี้ก็แทบไม่อยากนึกถึงความเสียหายแล้ว
ต้องขอตำหนิสักนิดในที่นี้ด้วยที่ท่านออกมาพูดเช่นนี้ ด้วยว่าในอีกแง่…ทุกอย่างที่ท่านทำล้วนเป็นตัวอย่างให้กับเยาวชนทั้งสิ้น
กลับไปที่ระดับความรู้ภาษาอังกฤษที่กระปรกกระเปลี้ยของประเทศ ด้วยเหตุที่เรามีทัศนคติที่ไม่สร้างสรรค์เกี่ยวการมีความรู้ ยังทำให้เรามีระบบการศึกษาที่แย่มาก…มายาวนานมาก โดยไม่มีรัฐบาลไหนจะสนใจทุ่มเทงบประมาณทำการสังฆยนา ซึ่งหากมีการวัดผลด้านอื่นด้านไหนอีกนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ ประเทศเราก็คงสอบตกรั้งท้ายอีกนั่นแหละ
กระนั้นกระทรวงศึกษาธิการ ก็ยังหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับเสื้อผ้าหน้าผมและการไม่ยุ่งเกี่ยวมีเพศสัมพันธ์กันของเด็กวัยเรียน …ดังที่เป็นมาทุกสมัยเช่นนั้นไปตลอดกาล ทั้งๆ ที่โรงเรียนของเราไม่ได้ผลิตประชากรผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีมีจริยธรรมศีลธรรมเหนือกว่าประเทศอื่นออกมาเลย จะว่าไป…จากการเป็นประเทศที่คอรัปชันสูงเกือบชนะเลิศ และความเหลื่อมล้ำชนะเลิศได้ที่หนึ่ง ก็เห็นได้ชัดว่าระดับศีลธรรมจริยธรรมของประชากรออกจะค่อนข้างต่ำทีเดียว
สรุปคือนอกจากประชากรจะไม่ค่อยมีความรู้อันเป็นที่มาของความไม่ค่อยฉลาด เราก็ไม่ได้เป็นคนดีด้วย
บทความที่อ่านเจอเมื่อไม่นานมานี้เรื่องหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นอันดับสถาบันไหนจัด ยังระบุด้วยว่าไทยรั้งท้ายในหมวดความรู้รอบตัวอยู่อีกโสต …คือเราอยู่ในกลุ่มแทบไม่รู้อะไรเลยที่ชาวโลกเขารู้ ๆ กัน เรามีความรู้ที่ไม่ได้สอนในสถานศึกษาต่ำมาก เราไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ไหน ประเทศไหนอยู่ตรงไหนทำอะไร โลกนี้เป็นอย่างไร ใครเป็นใคร และความไม่ค่อยรู้อะไรเลยนี้ก็ยังเกี่ยวพันแน่นหนากับความสามารถทางภาษาอังกฤษต่ำอย่างมาก
ยิ่งไม่รู้ภาษาก็จะยิ่งทำให้เรายิ่งโง่ เพราะความรู้ที่มีอยู่ในโลกล้วนเขียนในภาษาที่เราอ่านไม่ออก เราจะรู้ได้ก็แต่เฉพาะสิ่งที่ถูกแปลเป็นไทยแล้วเท่านั้น แล้วพอหันกลับมาดูบรรดาหนังสือที่ถูกแปลเป็นไทยก็จะยิ่งหดหู่ อดสูใจ คือน้อยมาก เรามีนักแปลไม่มาก ยิ่งนักแปลคุณภาพยิ่งน้อยไปใหญ่ ไม่เหมือนญี่ปุ่นเกาหลีที่ความรู้ภาษาอังกฤษดีกว่าเราไม่เท่าไหร่ แต่แปลทุกอย่างในโลกเป็นภาษาตัวเอง ลองหลับตานึกภาพหนังสือดีๆ เป็นล้านๆ ในโลก แต่กลับถูกแปลเป็นภาษาไทยแค่ไม่กี่พัน นั่นคือระดับความรู้ของเราคือน้อยกว่าคนที่มีความสามารถภาษาอังกฤษเป็นพัน ๆ เท่า แย่กว่าแย่ทั้งมวล…ทัศนคติไม่สร้างสรรค์ก้าวหน้าไม่ใฝ่รู้อย่างที่ว่ายังทำให้เราเป็นนักอ่านที่อ่อนแอไปอีก…เป็นงูกินหาง คุณภาพประชากรของเราเมื่อเทียบกับประชาชาติอื่นจึงต่ำอย่างน่าสยดสยอง
…และนี่คือภาพจำลองผลการแข่งขันของเราในเวทีโลก
และด้วยเหตุเดียวกันนี้ เราถึงมีอะไรแบบไทย ๆ อยู่เต็มไปหมด หนังแบบไทย ๆ เพลงแบบไทย ๆ นิสัยแบบไทย ๆ วิธีคิดแบบไทย ๆ ไปจนถึงประชาธิปไตยแบบไทย ๆ เช่นเดียวกับคนไม่ค่อยฉลาดส่วนใหญ่ เราจะสูญเสียความถ่อมตน คนไทยเป็นประชากรที่หยิ่งทรนงในความเป็นไทยเหลือล้น ซึ่งไม่ส่งเสริมทัศนะใฝ่รู้ซ้ำเข้าไปอีก ยิ่งมามีรัฐบาลที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนไม่ค่อยรู้อะไรมาสุมหัวกันก็ยิ่งอันตรายมากที่จะอยู่รอดในโลกสมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งองคาพยพด้วยความรู้ ความฉลาด นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์
โลกไม่หยุดหมุนเพื่อเราหรอก แต่คงหมุนเร็วรี่อยู่ทุกวันโดยทิ้งเราบอดใบ้เคว้งคว้างไว้ข้างหลัง นั่งคิดเองเออเอง ตีความเอง เพ้อเจ้อเอง ดิ้นรนบดบังความไม่สามารถของตัวเองแก้เก้อด้วยความมีวัฒนธรรมเก่าแก่และอดีต แต่ก็ยังไม่ฉลาดพอจะสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ให้เป็นซอล์ฟพาวเวอร์ออกไปในโลกกว้างอย่างเกาหลีหรือญี่ปุ่น ทำได้แค่วุ่นวายอยู่กับเปลือกกลวง ๆ อย่างแต่งชุดไทย กราบเท้าเอาพวงมาลัยไหว้วันแม่ ยกตลาดน้ำมาไว้ในห้าง ครม.ใส่เสื้อทีมสีสดเหมือนคณะลำตัด ฯลฯ
ไม่สามารถเจียรนัยความเป็นไทยให้แวววาวในแก่นกลาง นอกจากกอบเอาซากกระจัดกระจายผุพังหลงค้างจากอดีตมากองสุมรวมกัน …หาประโยชน์อันใดมิได้