ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
หลายเดือนของสถานการณ์ระบาดหนัก มีผู้เสียชีวิตเฉพาะในความดูแลของแพทย์ ซึ่งนับได้จนถึงวันที่เขียนบทความเกือบสี่พันคนแล้ว จำนวนนี้ไม่รวมผู้ที่เสียชีวิตในบ้านตัวเอง และตามตรอกซอกซอยข้างถนนหนทางระหว่างยังรอเข้ารับการรักษา ตัวเลขที่แท้จริงน่าจะมากกว่าที่เปิดเผยมาก
และมีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเป็นผู้ปกครองของเด็กเล็ก ๆ
ทว่ารัฐบาลยังคงไม่มีมาตรการให้การดูแลเด็กที่สูญเสียพ่อหรือแม่ หรือทั้งพ่อและแม่ ออกมาแต่อย่างใด หลายคนอาจบอกว่าให้รัฐบาลจัดการการระบาดตรงหน้าให้นิ่งได้ก่อน รอสถานการณ์การระบาดคลี่คลายก่อน จบการระบาดแล้วค่อยจัดการกับผลพวงของมัน
แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เรื่องนี้รอไม่ได้ เด็ก ๆ เหล่านี้เป็นมนุษย์ มีตัวตน หลายคนยังเด็กมาก ๆ ขนาดแบเบาะ พวกเขาต้องมีคนดูแล ในคลิปไวรัลในโซเชียลมีเดียหลายชิ้นจะเห็นเด็กเล็ก ๆ ร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ ผู้เสียชีวิต และถูกระบุเป็นลูกหลานของผู้ตาย หากเมื่อตามข่าวก็ไม่เห็นมีการระบุว่ามีหน่วยงานไหนของรัฐบาลเข้ามารองรับเด็ก ๆ เหล่านี้
คำถามคือใครจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลพวกเขา หรือมีใครรับดูแลต่อหรือไม่…ทั้งในระยะสั้นเฉพาะหน้าหรือในระยะยาวจนโต ตัวผู้ปกครองผู้วายชนม์มีญาติพี่น้องที่ไหนมั้ย หลาย ๆ บ้านเสียชีวิตจากโควิดเกือบทั้งบ้าน แล้วหน่วยงานไหนจะเป็นธุระติดตามหาญาติที่เหลือ และญาติพี่น้องที่เหลือเหล่านั้นพร้อมหรือไม่ ที่จะดูและเด็ก ๆ ที่ทั้งเสียขวัญทั้งเคว้งคว้าง
ถ้าไม่มีญาติเหลือหรือญาติที่เหลือไม่พร้อมจะต้องทำอย่างไร
เราไม่สามารถปล่อยเด็กอายุเล็ก ๆ ไว้ตามยถากรรม โดยเฉพาะในท่ามกลางการระบาดอย่างหนัก ท่ามกลางสถานการณ์สับสนอลหม่าน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนยากจนอดอยากและไร้งาน ท่ามกลางความอัตคัด และสิ้นหวัง
ถ้าไม่ขาดอาหารตายพวกเข้าก็จะติดเชื้อและป่วยตาย ไม่โควิดก็โรคอื่น ไม่เช่นนั้นก็กลายเป็นคนเร่ร่อนไร้ที่ซุกหัวนอน ต้องออกจากระบบการศึกษา ร้ายกว่านั้นคือตกเป็นเหยื่อ ถูกผู้ใหญ่ทำร้าย เอารัดเอาเปรียบ รังแกต่าง ๆ นานาไปกระทั่งข่มขืนชำเรา และที่ร้ายกว่าอะไรทั้งหมดคือ ถูกผลักเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์สารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ใช้แรงงานโหดร้ายทารุณ ปล้นอวัยวะ ไปจนถึงค้าบริการทางเพศ
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นเมื่อเด็ก ๆ ไม่มีผู้ปกครองปกป้อง เมื่อคนเปราะบางที่สุดตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางที่สุด เมื่อรัฐบาลเพิกเฉยและไม่มีระบบรองรับ
แม้เราจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด แต่เราก็มีกระทรวงทบวงกรมเป็นร้อย ๆ มีข้าราชการเรือนแสน ๆ ที่รับเงินเดือนที่เป็นเงินภาษี แต่ไม่ได้ทำงานเลยในระหว่างช่วงล็อกดาวน์ คนควรถูกมองเป็นทรัพยากรที่รัฐบาลมีอยู่ในมือ ซึ่งสามารถใช้งานเพื่อประคับประคองประชากรในห้วงทุกข์ให้รอดผ่านสภาวะไม่ปกตินี้ไปได้อย่างราบรื่นขึ้น ป้องปรามไม่ให้ปัญหาสังคมเพิ่มและลุกลามบานปลาย
แต่ดูเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมาจะมีแต่บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่ทำงานหนัก และหนักจนเกินขีดจำกัดของมนุษย์ไปมาก ขณะที่หน่วยงานอื่น ๆ ต่างเงียบงัน แข็งค้างกลางอากาศ เกียร์ว่างตามกัน กับจมดิ่งไปในสภาวะการยากลำบากอันแปลกประหลาดนี้ไปพร้อมกันกับประชาชนคนอื่น ๆ
ขณะปัญหาที่มีมาอยู่เดิมค่อย ๆ เพิ่มขยายไล่ลามไปเงียบ ๆ ในเมืองร้าง ตั้งแต่ปัญหาคนไร้บ้าน อาชญากรรม การเข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาลตามปกติ และการติดเชื้อที่ทบเท่าทวีคุณทุกนาทีในอัตราเดียวกับการล้มป่วยและเสียชีวิต การกำหนดและกำกับความช่วยเหลือในยามที่ทุกอย่างหยุดปิดเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด แต่แทนที่รัฐบาลจะจัดสรรงานให้ข้าราชการจำนวนมากทำงานกันคนละเล็กละน้อย…ฟรอมโฮม อย่างเช่นให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ซึ่งก็จัดการได้แย่ไม่รู้จะแย่อย่างไรมาเป็นปีแล้วตั้งแต่การระบาดรอบแรก และยังคงมีสายไม่มากพอ คนรับโทรศัพท์ไม่มากพอ ติดต่อยากเย็นเข็ญใจไม่ว่าจะมีผู้ติดเชื้อสามพันหรือหมื่นห้าและอาจจะถึงสองสามหมื่นในไม่กี่วัน
รัฐบาลก็ยังคงตามมีตามเกิดเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ อยู่ร่ำไป ทิ้งประชาชนหวาดหวั่นป่วยไข้เอาไว้ในความมืดมน งงงวยไม่รู้จะหาความช่วยเหลือเอาจากไหน…เหมือนเดิม
การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นต่าง ๆ แทบไม่มี ทั้งอาหาร น้ำดื่ม ยาสำหรับผู้ป่วยตามบ้านที่รอเตียง รวมถึงที่ทางให้ผู้ติดเชื้อได้แยกตัวออกมาจากครอบครัว แค่หาที่ทางให้อยู่ก็ยังดี ไม่ใช่ปล่อยให้ต้องออกจากบ้านเพราะกลัวญาติพี่น้องติดเชื้อออกมานอนข้างถนน หรือหากป่วยระหว่างรอเตียงก็ต้องมียาต่าง ๆ ส่งให้ถึงที่ มีออกซิเจนให้ มีคนให้คำปรึกษา ซึ่งก็เริ่มมี..นิดหน่อย และก็หาได้ทั่วถึงไม่
ทั้งหมดเป็นเรื่องการจัดการ แค่รัฐบาลมองทั้งกระดาน เห็นประชาชนทั้งหมด และมองไปข้างหน้า สามวันจากนี้ หนึ่งอาทิตย์จากนี้ สองอาทิตย์ เดือนหนึ่ง อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง และตั้งรับระดมสรรพกำลัง อันไหนซื้อได้ซื้อ อันไหนมีแรงเกณฑ์แรงมา หลายต่อหลายอย่างไม่ได้ต้องใช้ความรู้ความสามารถพิเศษแต่อย่างใด อาสาสมัครที่วิ่งวุ่นยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งประเทศในเวลานี้ ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถพิเศษใด ๆ พวกเขาเรียนรู้วันต่อวัน เคสต่อเคส ไม่มีค่าจ้าง ไม่ได้เป็นลูกจ้างของรัฐ หรือรับเงินภาษี และไม่ได้รับการสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ใด ๆ จากรัฐบาลเลย
รัฐบาลจะเฉยเมยเชื่องช้าไม่ได้
การบริหารงานไม่รอบด้านและทั่วถึงที่ผ่านมา ทำให้คนไม่ควรต้องติดเชื้อจำนวนมากต้องติดเชื้อ ทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากกลายเป็นผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากกลายเป็นผู้ป่วยหนัก ทำให้ผู้ป่วยหนักจำนวนมากเสียชีวิต และการแพร่ระบาดสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราไม่มีความจำเป็นต้องป่วยและตายมากขนาดนี้ เราไม่ควรต้องถูกล็อกดาวน์ทำมาหากินไม่ได้บ่อยและยาวนานขนาดนี้ รัฐบาลควรมองปัญหารอบทั้งกระดาน ตั้งวอร์รูม ปรึกษาผู้รู้ทั้งประเทศ ตั้งรับปัญหาที่จะมาข้างหน้า และรุกไล่ปัญหาที่มีอยู่ตอนนี้
รัฐบาลต้องประสานจัดสรรความช่วยเหลือให้ทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง เพราะหากมีช่องโหว่ตรงไหน ตรงนั้นก็สามารถเป็นปัญหาใหม่ทับถมลงในปัญหาเดิมที่ล้นแทบเอาไม่อยู่อยู่แล้ว
แน่นอนว่ารัฐบาลต้องทำงานเชิงรุก ทุกอย่างต้องเป็นเชิงรุก การตรวจเชิงรุก การฉีดวัคซีนเชิงรุก การให้ความช่วยเหลือเชิงรุก การจัดการเชิงรุก เยียวยาเชิงรุก ทุกอย่างต้องออกมาจากภาครัฐ เพราะรัฐล็อกดาวน์และประชาชนถูกตรึงอยู่กับที่ ตกอยู่ในสภาพที่จัดการตัวเองไม่ได้โดยกฎหมายของรัฐ
ประชาชนไม่ไม่เพียงแต่กำลังต่อสู้กับการระบาดของโควิด แต่ยังรวมถึงการระบาดอื่น ๆ ด้วยอย่างมาลาเรีย หวัด แล้วไหนจะยังโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น จากการไม่สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้เพราะวิกฤตโควิด เช่นเดียวกับปัญหาต่าง ๆ ของเมืองที่มีอยู่เดิม ที่นับวันจะรุนแรงขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถูกปิดตาย ไม่ว่าจะเป็นการจี้ปล้น ยาเสพติด ฯลฯ เช่นเดียวกับปัญหาเด็ก ๆ กำพร้าจากการเสียชีวิตของผู้ปกครอง และไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอจากความยากจนเฉียบพลัน
รัฐต้องมองไปข้างหน้า เห็นปัญหาล่วงหน้า และเริ่มต้นรับมือทุกปัญหาก่อนที่มันจะบานปลายใหญ่โตตั้งแต่วันนี้