เมื่อกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง กลายเป็นเสียงเรียกร้องสำคัญแห่งยุคสมัย ไม่ว่าองค์กรไหนต่างถูกตั้งคำถามและท้าทายถึงการมีอยู่อย่างเข้มข้น ตั้งแต่หน้าที่ของสื่อไปจนถึงสถาบันตุลาการ และหนึ่งในองค์กรที่เจอแรงเสียดทานของสังคมหนักหนาที่สุดองค์กรหนึ่ง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคือกองทัพ คือตำรวจทหารนั่นเอง
De/code ร่วมพูดคุยกับทีม ADMIN เหล่าทัพราษฎร กลุ่มบุคคลที่เกิดจากการรวมตัวกัน ของนายทหารตำรวจจากทั้ง 4 เหล่าทัพร่วมกับประชาชน เนื้อหาที่พวกเขาสื่อสารมีตั้งแต่ปัญหาของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ทม.) และตำรวจราบ ไปจนถึงแก้ต่างเรื่องการไปฝึกร่วมกับสหรัฐอเมริกาให้กับกองทัพ อะไรอยู่เบื้องหลังท่าทีที่ชวนตั้งคำถามเหล่านี้
สนามรบที่ไม่รู้จัก ความท้าทายที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝน เมื่อเป้าหมายสูงสุดวันนี้คือความไว้วางใจจากประชาชน
เป้าหมายในการก่อตั้งเพจ FACEBOOK และ TELEGRAM ในชื่อเดียวกันว่า “เหล่าทัพราษฎร” รวมทั้ง OPEN CHAT “ก้าวใหม่เตรียมทหาร” ธนเดช เพ็งสุข ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร และอดีตข้าราชการสังกัดกองทัพอากาศ หนึ่งในทีมแอดมินได้บอกกับเราว่า พวกเขาต้องการ ‘แก้ BRANDING’ ให้กับกองทัพ
“นี่คือช่วงเวลาแห่งการสร้างความเข้าใจระหว่างกองทัพกับประชาชน เราใช้วิธีเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนในหลายระดับ และพูดคุยกันบนพื้นฐานของข้อมูล และข้อเท็จจริง”
บทบาทของเหล่าทัพราษฎรจึงเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ปกป้องตำรวจและกองทัพจากข่าวปลอมและความเข้าใจผิด ไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่ม ในขณะเดียวกันก็สร้างพื้นที่แลกเปลี่ยน ระหว่างทหารยุคเก่ากับยุคใหม่ และระหว่างกองทัพกับประชาชนไปพร้อม ๆกัน
กองทัพในสายตาของ ‘คนใน’
ในทีมแอดมินมีบุคลากรครบทั้ง 4 เหล่าทัพ ทั้งเป็นอดีตข้าราชการ และยังอยู่ในราชการ ทั้งเปิดเผยและปกปิดตัวตน พวกเราต่างเห็นตรงกันว่ากองทัพและตำรวจ มีมุมที่พัฒนาสอดคล้องกับบริบทของสังคมโลก และประเทศที่เป็นประชาธิปไตย แต่กองทัพไม่เข้าใจว่าต้องสื่อสารกับประชาชนแบบไหน เราจะพูดกับประชาชนแบบที่คุยกันเองในกองพันไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเรา
ตอนนี้การเกณฑ์ทหารมีการปรับปรุงระบบให้ก้าวหน้าขึ้นมาก ในการเกณฑ์ทหารครั้งหน้า เราอาจเห็นระบบที่คนจะไปสอบนายสิบได้ต้องผ่านการเป็นพลทหาร 100 % มีการใช้เทคโนโลยีปิดบังตัวตนในการร้องเรียนอย่าง Application Smart soldier มีความพยายามในการโยกงบประมาณ มาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในเรื่องโควิด
แม้แต่ในโรงเรียนเหล่าทัพก็มีความพยายามปรับปรุงหลักสูตรให้เป็น 2 ภาษา มีความเป็นสากลมากขึ้น ลดการธำรงวินัยที่ผิดกฎระเบียบของกองทัพ การที่คนในกล้าออกมาพูดถึงปัญหามากขึ้น มันก็ทำให้เกิดการมองเห็นปัญหา ซึ่งตามมาด้วยการแก้ไขไปด้วย
ความเห็นในโลกออนไลน์พูดว่า ประเทศนี้ขับเคลื่อนด้วยการด่า นี่เป็นภาพสะท้อนการทำงานในกองทัพที่เห็นได้ชัด เวลาเกิดปัญหาในการทำงานของกองทัพ ถ้าไม่มีใครมาจี้ ถ้าไม่ถูกด่าหัวจะไม่ขยับ พอหัวขยับเท่านั้นหางถึงจะเริ่มส่ายตาม และพอทหารขึ้นมามีบทบาทในการปกครองประเทศ มันเลยกลายเป็นบุคลิกของรัฐ การด่าอาจไม่ถูกต้อง แต่อาจถูกทาง อย่าลืมว่าในท้ายที่สุด เราก็ยังต้องการระบบมารองรับอยู่ดี
กองทัพด่านหน้า ต้องการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
ในกรณีเอกสารที่มีการขอวัคซีนเป็นกรณีพิเศษที่รั่วไหลออกมา ไม่บ่อยครั้งนักที่กองทัพยอมรับความผิดพลาดของตนอย่างตรงไปตรงมา แต่คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมกองทัพคิดว่าตนเองมีอภิสิทธิ์ในการได้วัคซีนก่อนคนอื่น ? ทำไมถึงคิดว่าสามารถร้องขอสิทธิเกินส่วนขนาดนั้นได้
แต่อยากชวนคิดว่าในเวลานี้ ก็มีบุคลากรของกองทัพและตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่ในด่านหน้า เช่นรพ.สนาม รถรับส่งผู้ป่วย และศพอยู่เช่นเดียวกัน หากพิจารณาจากหน้าที่และการทำงาน คนกลุ่มนี้ก็ควรได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับคนที่ทำงานในจุดเสี่ยงสาขาอาชีพอื่น ๆ เช่นเดียวกัน
สิ่งที่น่ากังวลใจตอนนี้คือกองทัพเอาบุคลากรไปทำงานด่านหน้า แต่ไม่มีระบบป้องกัน ควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสวัสดิการที่ให้กับกำลังพลตรงนี้ยังไม่เพียงพอและทั่วถึง นี่คือความเป็นความตาย ไม่ใช่เฉพาะกับคนในกองทัพ อยากให้ผู้บังคับบัญชาและรัฐบาลสนใจความเป็นอยู่ และชีวิตของคนที่ทำงานในด่านหน้าทุกคนอย่างจริงจังสักที
ทหาร CALL OUT
ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารก็อยากจะออกมาพูดไม่ต่างจากประชาชนเลย แต่สิ่งที่เราเจอ คือการปราบปราม มีตั้งแต่สุ่มตรวจมือถือ ไปจนถึงอุ้มหายสาบสูญ มีการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นระยะ ๆ อย่างร้อยโท เฉลิมศักดิ์ เรือนมงคล เจ้าของเพจ “พิซซาชาวใน” ชะตากรรมของเขาแทบไม่ต่างไปจากวันเฉลิม ทุกวันนี้ครอบครัวไม่ได้ข่าวของเขาเลยตั้งแต่ปี 2018
แม้แต่ในพ.ร.บ.ตำรวจฉบับล่าสุดยังมีมาตรา 106 ที่ให้ผู้บังคับบัญชาใช้กำลังทำร้ายตำรวจที่ ‘กำเริบเสิบสาน’ ขัดคำสั่งได้โดยไม่มีความผิด มันมีมาตรการ มีการ UPDATE ความกลัวในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตำรวจทหารเป็น กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอำนาจนอกระบบนี้
ทุกวันนี้ปัญหาของตำรวจราบก็ยังมีอยู่ เพื่อนพี่น้องหลายคน ถูกเอาชื่อออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่รู้ตัวและไม่เต็มใจ นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับคนในอาชีพนี้ ความกลัวไม่เคยถูกทำให้หายไป มีแต่เข้มข้นขึ้น เมื่อก่อนเรากลัวสุดก็แค่ระดับหัวหน้าของเรา แต่ตอนนี้มันมีอำนาจที่อยู่สูงขึ้นไปอีก เหมือนเป็นเจ้าชีวิตชี้เป็นชี้ตายเราได้ตลอดเวลา
หมวกหลายใบในความเป็นทหาร-ประชาชน
เรามีการจัด Clubhouse กันทุกวันเสาร์ พยายามที่จะเอาประเด็นระหว่างกองทัพ ตำรวจ กับประชาชนมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน เราพยายามสร้างความเข้าใจกับประชาชน อยากให้ประชาชนเปิดใจ เราเข้าใจว่าเวลาที่เขาด่าเรา เขาไม่ได้ด่าทหารอาชีพ ทหารชายแดน เขาด่าทหารที่นั่งอยู่ในสภา ในรัฐวิสาหกิจ
อยากให้ประชาชนช่วยส่งเสียงให้กับตำรวจทหารที่โดนกดขี่ไม่ต่างจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นร้อยโท เฉลิมศักดิ์ เรือนมงคล ทหารที่ทำงานด่านหน้ารับมือกับโควิด ตำรวจราบที่ถูกนายหลอกไป เราอยากให้ทั้งสองฝั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนทั้งข้อมูล ปัญหา และความรู้สึกได้ เพราะพวกเรามีปัญหาเดียวกันอยู่จริง ๆ
ฝั่งของตำรวจทหารเอง ก็อยากให้เข้าใจความโกรธแค้นของประชาชน อยากให้เข้าใจว่าคนเรามีหมวกหลายใบ คุณไม่ได้เป็นเพียงตำรวจ ทหาร แต่คุณยังเป็นพ่อ เป็นพี่ เป็นลูก เป็นประชาชนคนหนึ่งด้วย ปัญหาที่ประชาชนกำลังเจอและก่นด่า เขาไม่ได้ด่าที่ตัวตนของคุณ และเราเองก็เห็นปัญหานั้นว่ามีอยู่จริง อยากให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสียง และร่วมลงมือแก้ไขจากข้างในด้วย
จุดเดือดในสภาฯ ถึงเวลานำกองทัพออกจากการเมือง
พวกเราเชื่อในการ PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB เราวางตัวผิดตั้งแต่แรก ในขณะที่คอยห้ามไม่ให้กำลังพลพูดถึงการเมือง แต่ตัวผู้บังคับบัญชากลับทำรัฐประหาร แม้แต่การเอาทหารไปช่วย PR ให้พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง เรื่องนี้ผิดพ.ร.บ.วินัยทหารอย่างชัดเจน
เราเชื่อว่าความจริงใจในการนำเสนอข้อมูลและพร้อมให้ตรวจสอบ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้กองทัพอยู่ร่วมกับประชาชนในสังคมประชาธิปไตยต่อไปได้ ความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา และข้อผิดพลาดจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญสำหรับทุกฝ่าย ได้เวลาผลักตัวเองกลับมาทำหน้าที่ทหารอาชีพ ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นที่น่าไว้วางใจ ได้เวลาเอากองทัพ ออกจากการเมืองอย่างจริงจังสักที
เวลาเห็น comment ในเพจว่า ถ้ากองทัพมันแย่นัก ก็ให้ลาออกมาอยู่เคียงข้างประชาชนเลย คือถ้าลาออกกันหมด ใครจะอยู่แก้ไขข้างใน เวลาอ่านความเห็นแบบนี้ เราพยายามทำความเข้าใจว่า เขาไม่ได้เกลียดทหารที่รายบุคคล เขาเกลียดองค์กรนี้ที่ทำให้เขาเดือดร้อนต่างหาก
ในขณะที่อุณหภูมิทางการเมืองใกล้ถึงจุดเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ ใน slide ที่กล่าวถึงบุคคลเฝ้าระวังของกองทัพ ได้ปรากฏภาพทีมงานของเพจเหล่าทัพราษฎร ไปอยู่บนนั้นด้วยเช่นเดียวกัน เส้นทางไปสู่เป้าหมายการปฏิรูปกองทัพของพวกเขาจากนี้แน่นอนว่าไม่ง่าย และจะถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อย ๆ