ปัตตานีดีโค้ดเด็ด: เทศกาลที่เป็นยิ่งกว่าสำนึกรักบ้านเกิด - Decode
Reading Time: 3 minutes

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

Pattani Decoded เป็นเทศกาลประจำ 2 ปี แต่ละครั้งธีมหลักจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยมีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องแวววาวต่าง ๆ ของเมืองปัตตานี …เมืองแวววาวที่แวววาวจนต้องหรี่ตาเวลาพูดถึง ซึ่งคนนอกแทบไม่รู้ว่ามีอยู่เบื้องหลังข่าวที่ว่าแต่เรื่องความขัดแย้ง และความรุนแรงซ้ำซาก 

หนนี้ธีมของเทศกาลคือพัสตราอาภรณ์ จัดขึ้นระหว่าง 24 สิงหาคม – 1 กันยายนที่ผ่านมา …หากมองเผิน ๆ จะเห็นเป็นเรื่องแฟชั่น ก็คนปัตตานีเขาฮิพกันซะขนาดนั้น เป็นเมืองที่ทั้งชิคทั้งฮิพกว่าที่ไหน ๆ ในประเทศก็ว่าได้ ที่นี่เป็นเมืองมหาวิทยาลัยใหญ่ (สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี) ซึ่งคนหนุ่มสาวมากมายในวัยแต่งตัวจากทุกหนทุกแห่งมาอยู่ แถมเมืองยังเป็นศูนย์กลางเสื้อผ้ามือสองของประเทศมาครึ่งค่อนศตวรรษ ที่เห็นขาย ๆ กันที่จตุจักรก็มีจุดเริ่มต้นมาจากที่นี่ คนเลยสามารถแต่งตัวชิค ๆ กันทั้งตัวหัวจรดเท้าในราคาไม่กี่ร้อย  

แต่หากเป็นพวก ’เล่นของ’ เสื้อยืดสะสมตัวหลายแสน กางเกงยีนส์แถบตะเข็บสีอะไร ๆ แพงแค่ไหนก็หาได้แต่ที่นี่เช่นกัน  

ที่น่าสนใจคือการใช้เสื้อผ้ามือสอง นอกจากเป็นกลไกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำคัญ ยังเป็นแบบฝึกหัดประจำวันของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้วย คนหนุ่มสาวปัตตานีมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแน่นอน …คอนเซ็ปต์ก็ต้องแม่นตาม เพราะมันจะหัวมกุฏท้ายมกรเสียสไตล์เสียลุคดูเห่ยเอาง่าย ๆ ทันที ถ้าแต่งตัวจับแพะชนแกะแบบไม่กระจ่างว่า ตัวเองเป็นใคร สไตล์ไหน โทน มู้ด คาแร็คเตอร์แบบใด 

ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือผู้ใหญ่กับคนสูงวัยที่นี่ก็แต่งตัวดีมาก ทั้งแบบเทรดดิชั่นและสมัยใหม่ ไม่เหมือนที่อื่นที่พอแก่ตัวแล้วเพิ้ง ๆ เพลน ๆ เห็นได้ชัดว่ามีความเคารพตัวเองสูง …ความสมานฉันท์กลมกลืนของวิถีเก่า ใหม่ และความหลากหลายที่ดำรงคงมั่นมายาวนานของเมืองยังเป็นสิ่งที่พิเศษมาก ๆ  

ปัตตานีเป็นเมืองท่าเก่าแก่ เป็นดินแดนพหุวัฒนธรรมผสมที่กลมกลืน เป็นผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ทั้งพืชผลและอาหารจากทะเล รวมถึงยังเป็นเมืองหน้าด่านของสินค้าประดามีที่เข้าออกแลกเปลี่ยนระหว่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย เป็นเมืองเคยร่ำรวย และมีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมที่หาได้ยากจากเมืองอื่น ที่นี่มีทั้งเจ้าสัวจีน ราชนิกูลชวา และพ่อค้าคหบดีมลายูคนสำคัญ ๆ ของภาคพื้นอยู่รวมกันมาแต่โบราณ วัฒนธรรมอยู่ดี กินดี แต่งตัวดี ความมีรสนิยม รวมทั้งมารยาทงามจึงเป็นวิถีปกติของเมือง ซึ่งนี่เองที่ทำให้หัตถกรรมเย็บปักถักร้อยพื้นบ้านประดา พิถีพิถันและงดงามตาม  

ที่นี่มีทั้งผ้าเนื้อสวย ๆ การออกแบบลวดลายวิจิตร ฝีไม้ลายมือบรรจง การนำมาใช้สอยปะติดปะต่อกันอย่างลงตัว …น่าทึ่งมาก แม้แต่ผ้าย้อมครามหรือผ้าพันแบบผ้าขาวม้าเขียนเทียนที่ใช้ในชีวิตประจำวันและออกจะสมถะไม่หรูหราก็ยังงามพิเศษกว่าที่อื่น เสื้อผ้าอาภรณ์ของที่นี่คือวิถี ไม่ใช่แค่เครื่องนุ่งห่มหรือแม้แต่แฟชั่น คนที่นี่แต่งตัวดี แต่งตัวเป็น ไม่ใช่แต่งตัวเก่ง การแต่งตัวไม่ได้เป็นแค่สนองความอยากเท่เก๋ แต่ยังเป็นการยืนยันความตั้งใจในการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี การมีชีวิตที่ดี สง่างาม มีรสนิยม และเหนือกว่านั้นคือการดำรงไว้ซึ่งการเคารพในตัวตนที่แตกต่างด้วย 

นอกจากแพรพรรณประดามีในเทศกาล อีกเรื่องที่อยากพูดถึงสักเล็กน้อยคือส่วนนิทรรศการของ mappa แม้ปป้าเป็นเพจด้านการศึกษาและการเลี้ยงดูเด็กที่ก้าวหน้ามาก แต่การเข้ามาร่วมงาน Pattani Decoded ของเพจหนนี้กลับเป็นอะไรที่พิเศษกว่าและอยากเล่าให้ฟัง  

มุมหนึ่ง คือนิทรรศการผ้าแสนรักซึ่งไปกับธีมของงาน แต่ก็ทำได้ลึกซึ้งและน่าสนใจไม่น้อย ในวิถีดั้งเดิมก่อนการมาของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและฟาสต์แฟชั่น ผ้าเคยมีความหมายมากกว่าแค่สิ่งปกปิด ประดับร่างกาย ให้ความอบอุ่นคุ้มแดดฝน …ผ้าเคยเป็นมรดกตกทอดของแม่แก่ลูกสาว เป็นจดหมายรักที่มีลวดลายประหนึ่งตัวอักษรและคำหวาน เป็นความทรงจำอุ่นอวล…ที่ใครสักคนจะทิ้งไว้ข้างหลังให้ผู้เป็นที่รักแทนอ้อมกอดเมื่อต้องจากลา เป็นความกรุณาปกป้องของพระผู้เป็นเจ้า เป็นมิตรภาพ ของขวัญ ความรัก ความห่วงใยที่คนมอบให้กันประดับใจ  

…เรื่องเล่าของผ้าสักผืนจึงมีความหมายมากกว่าที่ถูกเห็นด้วยตาในวันนี้ …มันคือเรื่องของจิตใจ 

ด้านหน้าของนิทรรศการยังมีบอร์ดตะแกรงตั้งไว้ให้ผู้มาเยือนสร้างงานศิลปะได้สัมผัสประสบการณ์แรกเริ่มของการถักทอ ด้วยการเลือกผ้าที่ตัดรอไว้เป็นริ้วเหมือนริบบิ้นหลากสีไปถักพันลวดลายแบบใดก็ได้ตามใจกับตะแกรง ทั้งดีงามและน่ารัก และที่สำคัญได้รับความสนใจผู้คนมากมายจนเต็มทั้งสามบอร์ด แล้วพอเสร็จ ตะแกรงกระด้างก็กลายเป็นผืนงานชิ้นใหญ่ งานที่แสดงความในใจของคนมากมายประสานเสียงเล่าเรื่องของตนร่วมกัน …เป็นอะไรที่ฉลาด และทีมก็คิดมาดี …เก่งมาก  

แต่ที่เป็นไฮไลต์และเหมือนแยกจากธีมหลักเรื่องผ้าออกมา หากแวววาวระยิบระยับ คือละครสมัยใหม่สำหรับเด็ก ๆ …ละครหุ่นกับละครใบ้ ที่ mappa พาข้ามประเทศลงไปให้เด็ก ๆ ดูกัน 

ความเป็นสามจังหวัดทำให้โอกาสที่เด็ก ๆ จะได้สัมผัสสิ่งต่าง ๆ น้อยกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งก็น้อยอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่กรุงเทพ การแสดงเล็ก ๆ ไม่กี่รอบได้เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้สัมผัสการเล่า และทำความเข้าใจแบบอื่น ๆ ซึ่งต่างไปจากการสื่อสารทั่วไป และยังเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจในศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรมภายภาคหน้าด้วย 

วันเดย์อินอะไลฟ์ของหอยทากสามมิติ การขยับเคลื่อนเรื่องราวสนุกสนานโดยปราศจากคำพูด สร้างความตื่นเต้นสนุกสนานมากมายให้เด็ก ๆ มากทีเดียว  

เราบอกไม่ได้หรอกว่าหัวเราะที่จะถูกเลือนลืมไปในวันหนึ่งนี้จะทิ้งเมล็ดอะไรงอกเงยไว้ในใจพวกเขาบ้าง …ความฝันอะไรบ้างจะสะพรั่งบานจากไม่กี่นาทีของชีวิตที่เราหัวเราะร่วมกันนี้ การสร้างพื้นที่ให้เด็ก ๆ ในเทศกาลต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ และมีความหมาย และมักถูกมองข้าม แต่แม้ปป้าไม่เคยมองข้ามเด็ก ๆ  

ทีม Pattani Decoded เป็นทีมที่คิดหนักและทำงานหนักกันมาเป็นปีในการจัดเทศกาลและที่น่าทึ่งกว่าอื่นใด นี่เป็นเทศกาลที่แม่นคอนเซ็ปต์ที่สุดงานหนึ่งที่เคยได้เห็นในประเทศไร้คอนเซ็ปต์และหลักการนี้  

พูดถึงคอนเซ็ปต์ขอเล่าเรื่องไอติมของร้านเดินดินเฮาส์นิด ร้านนี้เป็นร้านเล็ก ๆ กลางเมืองที่บันดาลใจร้ายกาจมาก เราพูดกันมากมายถึงสำนึกบ้านเกิด แต่ไอติมของร้านนี้กลับนำเสนอทั้งรสชาติ ทั้งความรัก ทั้งสำนึกรักบ้านเกิด รวมทั้งทรงจำของพื้นที่ ด้วยรสชาติแปลกใหม่ที่คิดค้นจากอาหารพื้นเมืองปัตตานี อย่างรสข้าวหมก ลูกหยี รสขนมขิง รสต้มยำกุ้ง ปลากุเลา แตงโมปลาแห้ง …เยอะรสมาก 

แต่รสที่กินแล้วอยากจะร้องไห้คือรสกุหลาบหอมกรุ่นละมุนที่ทำจากกุหลาบที่แม่เจ้าของร้านปลูก และรสตูปะซูตง ซึ่งเป็นไอติมเสิร์ฟกับขนมพื้นบ้านทำจากปลาหมึกยัดไส้ข้าวเหนียวมูล ฟังดูเหมือนจะไม่อร่อย แต่ปรากฏว่าอร่อยลงตัวมาก ประยุกต์จากขนมที่แม่ทำทิ้งไว้ในตู้เย็นให้เจ้าของร้านก่อนเข้าโรงพยาบาล และไม่ได้กลับออกมาอีกเลย สองเมนูนี้จึงเป็นทั้งความรักและโหยหาที่มีต่อแม่ เป็นทั้งทรงจำของการเติบโต ครอบครัว และแผ่นดินเกิด …อ่อนหวานประโลมใจและบันเจิดความรู้สึกมากมาย 

รสที่น่าทึ่งมากอีกรสคือรสคราม ครามย้อมผ้าที่ชูรสด้วยเกลือหวานอันลือเลื่องของปัตตานี หอมแปลกและออกเค็ม ๆ ไม่เหมือนใคร อร่อยละมุละไมดีต่อใจมาก  

การออกแบบเมนูเก๋ ๆ นั่นเรื่องหนึ่ง แต่รสแปลกประหลาดแล้วอร่อยด้วยนี่หายากมาก ไอติมของร้านนี้มีครบทั้งความเข้าใจและรสนิยมทางอาหารการกิน ความรักในการมีชีวิตอยู่ ความหลงใหลในผืนแผ่นดินเกิด และความทรงจำงามของการเติบโต ครอบครัว และแม่ 

…ไม่เคยลิ้มรสอะไรแบบนี้มาก่อน 

คิดอยู่นานว่า ทำไมถึงรักปัตตานี แล้วก็นึกได้ว่าเป็นเพราะคนที่นี่รักเมืองของเขา …อย่างไม่มีเงื่อนไขข้อแม้และจำนนต่อข้อจำกัด มีคนยอมตายเพื่อผืนปฐพีนี้ …แต่ก็มีคนมากมายกว่านั้นที่มีชีวิตอยู่เพื่อที่นี่ หยั่งราก เติบโต สะพรั่งแวววาว กระจ่างงดงาม เพื่อบอกคนทั้งโลกถึงพลังแห่งชีวิตและผืนแผ่นดิน ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่อาจจำกัด และอหังการแห่งการเป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า