16,283 กม. จากอเมริกาใต้-เอเชีย คัมภีร์เลี่ยงคนเป็นพิษแบบคนรักตัวเอง - Decode
Reading Time: 2 minutes

การเดินทางของคาปิบาร่าจากถิ่นกำเนิดในประเทศแถบอเมริกาใต้อ้อมโลกมาถึงเอเชีย คงผ่านอะไรมามาก ระยะทางที่ห่างไกล 16,283 กิโลเมตร เชื้อชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่เรากลับพบว่าไม่มีวันไหนที่คาปิบาร่า กลายเป็นหนูยักษ์ที่กลืนกินความ Toxic นั่นอาจเพราะธรรมชาติของคาปิบาร่าเป็นนักจัดการความคิด ปรับตัวเก่งและเลือกโฟกัสชีวิตกับปัจจุบัน ไม่โทษฟ้าฝนหรือเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

‘ปล่อยใจไปกับออนเซ็น’

จะ 45 องศาแบบบ่อออนเซ็นต์ หรือ 30.5 องศาในอ่าวไทยก็ปรับตัวได้เสมอ คาปิบาร่าเป็นสัตว์ที่ชอบน้ำ เราว่าชื่อเล่นที่เหมาะกับน้องคือ ชิลอึน เพราะเวลาได้น้ำหยดลงหัว น้องชอบทำหน้าตามึน ๆ อึน ๆ ฟิน ๆ ฟีลไม่สนใจโลก แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นช่วงเวลาที่คาปิบาร่ากำลังใช้ความคิดแบบมี Attitude เป็นช่วงที่กำลังสนใจความต้องการในชีวิตของตัวเอง

ไม่ว่ามนุษย์บางคนบนโลกจะมองว่า การแช่น้ำเป็นกิจกรรมแสนน่าเบื่อแค่ไหน
แต่สำหรับคาปิบาร่าการเคารพและรับฟังเสียงของคนทั่วโลก ไม่เท่ากับการต้องละเลยจากเสียงหัวใจของตัวเอง ตราบใดที่การแช่น้ำไม่ได้ทำให้โลกร้อนขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ตราบใดที่การแช่น้ำไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คาปิบาร่าจะไม่หยุดแช่น้ำแน่ !

Happybara Attitude : “ชีวิตที่มีความสุขที่สุด คือชีวิตที่เรากำหนดเอง”
เพราะคิดแบบนี้ทำให้พี่ชายสายฟรีแลนซ์ของครอบครัวแฮปปรี้คาปิบาร่า ฝ่าเสียงเตือนอันถูกนิยามว่าเป็นความหวังดีของป้าข้างบ้านมาได้ เขายังคงทำงานฟรีแลนซ์ที่ป้าข้างบ้านบอกว่าไม่มั่นคงต่อไป เหตุผลเดียวคือความชอบและชีวิตที่ไม่ต้องตื่นมาทนทรมานกับงานที่ไม่ใช่ พี่ชายคาปิบาร่ายินดีกับคุณป้าที่ลูกชายแก เรียนจบมีบริษัทต่างประเทศมาทาบทามทันที แต่ชีวิตคนเรามันชอบต่างกันจริงไหม ? ถ้าเราฟังเสียงหัวใจตัวเองมากพอ ทำมากพอ เราก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจหรือสั่นไหว

ถ้าคุณกำลังอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวคาปิบาร่า
สัญญานะว่าสุดสัปดาห์นี้จะหาเวลานอนไปนอนแช่น้ำ

แล้วอย่าลืมเปิดอ่านเล่มนี้ไปด้วยกัน ถ้าโลกมันแย่ ก็แค่คิดแบบคาปิบาร่า พ่อคาปิบาร่า แม่คาปิบาร่า พี่สาวคนกลางวัยเลข 3 ตอนต้น พี่ชายคนกลางสายฟรีแลนซ์ น้องชายคนรองสายอินโทรเวิร์ต และน้องสาวคนเล็กของ “ครอบครัวแฮปปรี้คาปิบาร่า” รอให้คุณได้รู้จักอยู่

คาปิบาร่าเป็นหนูยักษ์ สามารถมีน้ำหนักตัวได้มากถึง 50 – 70 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มวัยส่วนสูงจะประมาณ 45 เซนติเมตร เป็นสัตว์ที่มีชนิดพันธุ์ในสายตระกูลเดียวกันเยอะ ด้วยความญาติเยอะจึงเป็นมิตร สามารถไหลรื่นปรับตัวอยู่กับสัตว์อื่นได้แบบเนียน ๆ

แน่นอนคาปิบาร่าเป็นสัตว์สังคม แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความเสี่ยงจากสัตว์ผู้ล่าอยู่บ้าง ทั้งจระเข้เคแมน เสือจากัวร์ อนาคอนดา นกอินทรีฮาร์ปี เสือพูมา งูเหลือม จิ้งจอก คาราการา และแร้งดำ ในสายตาครอบครัวแฮปปรี้คาปิบาร่า นักล่าบนท้องฟ้าก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าคนพ่นพิษ

Happybara Attitude : การตัดคนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีออกไปจากชีวิต ไม่ใช่เพราะความเกลียดชัง แต่มันคือการที่เราใช้ความสำคัญกับความรู้สึกของเราเป็นอันดับแรกและสิ่งนั้นเรียกว่า การรักตัวเอง น้องชายคาปิบาร่าทำอย่างนั้นเสมอ

คาปิบาร่ามีฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็จริง แต่คาปิคาปิก็ไม่ได้ใช้ฟันตอบโต้เพื่อนร่วมโลกที่ทำตัว Toxic ใครพ่นพิษคาปิบาร่าก็จะไม่ไปสุงสิงแต่จะคิดว่า “แค่ทำงานของเราให้ดีก็พอ” ทำผลงานที่ชันเจนเป็นไปตามที่บริษัทต้องการ

คาปิบาร่ามักเทียบผลงานกับตัวเองเท่านั้น ไม่นึกแครงใจถ้าตัวเองตั้งใจทำงานหรือคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว แต่เพื่อนได้เลื่อนขั้น สิ่งที่คาปิบาร่าทำไม่ใช่ตั้งคำถามกับความลำเอียงของหัวหน้าเป็นอย่างแรก แต่จะตั้งคำถามว่างานของตัวเองพลาดตรงไหน ยังมีอะไรที่ต้องแก้เป็นอย่างแรก

สำหรับคาปิบาร่าแล้วการอวยจากคนรอบข้างไม่ได้ช่วยอะไร การกลัวหัวหน้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร นั่นรังแต่จะทำให้ถูกตำหนิถ้าทำงานออกมาผิดโจทย์ การมาทำงานตรงเวลาเป็นความรับผิดชอบ การกลับบ้านตรงเวลาหรือใช้สิทธิ์การลาก็เป็นเรื่องที่ชอบธรรม การจัดการงานในช่วงเวลาทำงานให้ดีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเราจัดการเวลาไม่เป็นใช้ชีวิตไหลไปตามคนรอบข้าง เราอาจต้องทำโอฟรี ประมาณว่ายืดเวลาทำงานออกไปโดยไม่จำเป็น แบบนั้นจะโทษหัวหน้า โทษเพื่อน หรือโทษตัวเองดีล่ะ

ถ้าคุณเป็นคาปิบาร่า คุณจะไม่เจอกับสถานการณ์ต้องมานั่งคิดว่าโทษใครดีเรื่องนี้ การจัดการชีวิตเป็นเรื่องปกติของคาปิบาร่า การได้ทำเรื่องที่ท้าทายคือประสบการณ์ จึงมักไม่ได้ยินคำว่า ยากจัง ไม่ทำดีกว่า จากบันทึกของ “ครอบครัวแฮปปรี้บาร่า” เล่มนี้

Happybara Attitude : อย่ามัวแต่ตัดพ้อ อย่าลืมว่าประสบการณ์คือสิ่งที่ซื้อกันไม่ได้ พ่อคาปิบาร่าบอกเอาไว้ว่า “อยากทำให้ลองทำ อย่าทำแค่ลองคิด”

ในวันแย่ ๆ คุณพ่อคาปิบาร่าจะไม่ขึ้นต้นประโยคว่า โถถถถถถถไม่น่าเลย เราน่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะคาปิบาร่าตัวจริง คงดึงหน้าอึน ๆ ทำตัวชิล ๆ และมองว่าในความผิดแผน หรือในอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้ามีโอกาสอะไรซ่อนอยู่

ในอดีตก่อนจะมาเป็นแม่บ้าน คุณแม่คาปิบาร่าเคยได้ไปทำงานในบริษัทที่มีคนเก่ง ๆ เยอะมาก อยู่ที่นั่นจนคุณแม่ไม่กดดันตัวเองเลย ทั้งที่ตอนนั้นเป็นเด็กบัญชีจบใหม่ คุณแม่มองว่านี่เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้เรียนรู้จากคนเก่ง สิ่งที่คุณแม่ทำคือพยายามอย่างหนัก คุยกับพี่ ๆ เรียนรู้การทำงานจากพี่ ๆ อย่างเต็มที่ ที่สำคัญคุณแม่คาปิบาร่าเชื่อว่า “ความเก่งไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากความพยายาม”

“ฉันเป็นคนแบบอื่นไม่ได้หรอก เพราะฉันยุ่งกับการเป็นตัวเองอยู่”
นี่สิคิดแบบคาปิบาร่าของแทร่

ถึงวันนี้เราจะยังคิดแบบคาปิบาร่าไม่ได้ซะทุกเรื่องและเจอกับคน Toxic แบบรายวันก็เถอะ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราอ่านใจตัวเองอย่างตกผลึกมากขึ้น แคร์ตัวเองมากขึ้น ในระยะทางของการเติบโตไม่มีใครปลอบโยนเราได้ตลอดเวลา ไม่มีใครมานั่งบอกเราได้ตลอดเวลา แถมเรายังมีโอกาสมหาศาลที่จะเจอกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ คาดเดาไม่ถูก สิ่งเดียวที่เราทำได้ตามสไตล์คาปิบาร่า คือเลือกวิธีตอบสนองแต่สิ่งเหล่านั้น ภายใต้โจทย์ที่ว่า เรารักตัวเองมากพอหรือยัง

ชีวิต สังคม งาน ความรักและฉัน ทั้งหมดต่างเป็นสัมพันธภาพของโลกแย่ ๆ ได้ เราต่างมีโอกาสเจออนุภาคของความสัมพันธ์ปนความ toxic ได้ทุกวัน และถ้าเมื่อไรโดนพิษนั้นเข้า เราก็แค่คิดแบบคาปิบาร่า

ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิธีคิด 100 คาปิบาร่าก็ช่วยให้เราพ้นพิษไม่ได้
จะกะปิปลาร้า หมามะพร้าว หมากีวี หรือ คาปิบาร่า

จะอยากเป็นแบบไหน ? มีชีวิตยังไง ? หรือ อยากถูกเรียกว่าอะไร ? อยู่ที่ใจเรา

หนังสือ: ถ้าโลกมันแย่ ก็แค่คิดแบบคาปิบาร่า
Think like a Happybara โดย บริษัท โอเพ่นดูเรียน
พิมพ์ครั้งที่ 2 วันที่ 18 เมษายน 2567

PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน)ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี