ใครก็ตามที่เคยอ่านว่าด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม มาแล้ว เขาผู้นั้นบรรลุความอดกลั้นท่ามกลางความไม่อดกลั้นในสังคมเหลื่อมล้ำต่ำสูง ความอดกลั้นเชื้อเชิญร่วมพิธีสมรสกับความโดดเดี่ยวของผู้นั้นที่วางอยู่บนรากฐานของการมี Rationality
เช้าวันนั้น ชายวัยกลางคนหยิบยื่นหนังสือ Liberal Democracy ชำเลืองมุมซ้าย ธเนศ วงศ์ยานนาวา เขียน
“เล่มนี้ผมบรรณาธิการ ลองอ่านได้” ถ้ายังไม่เบื่อสังคมเสรีประชาธิปไตยนะ
ฉันพยักหน้าหงึก ๆ “เบื่อ แต่อยากรับมือกับความตื้นเขินของตัวเอง” เดินงุด ๆ ออกจากร้านไปตามปลายสายที่กดโทรออก “ออกไปแล้ว ๆ” ความรีบร้อนเป็นเหตุให้คาเฟอีนไหลเลอะหนังสือที่เพิ่งแกะอ่านไป 5 หน้าโดยไม่ตั้งใจ เสรีนิยมประชาธิปไตยจึงมีรสขมปร่าของอเมริกาโน่เย็นไม่ใส่น้ำตาล ยามตื่นจากหลับใหลฉันก็ยังต้องการมันในทุกเช้าของวันใหม่
หนังสือเล่มนี้จัดอยู่ในประเภทวิพากษ์มากกว่าจะเป็นคำตอบสำเร็จรูปของการเดินทางอันไกลโพ้นของนาวาเสรีประชาธิปไตยที่มี “ประชาชน” อยู่ในเครื่องหมายคำพูดมากกว่า 6 ครั้ง
ความเป็น “ประชาชน” ไม่ได้ต้องการกฎหมาย
เพราะในระบอบเสรีประชาธิปไตย กฎหมายมาจาก “ประชาชน”
มากกว่าที่ประชาชนจะเกิดมาจากกฎหมาย
กฎหมายไม่ได้ทำให้ “ประชาชน” เป็น “ประชาชน”
แต่การจะเป็น “ประชาชน” ได้ก็ต้องการรัฐ ในขณะที่รัฐไม่ได้ต้องการ “ประชาชน”
เพราะเมื่อเริ่มต้นวิพากษ์เสรีนิยม ธเนศ ก็วิพากษ์เสรีประชาธิปไตยไปในตัวด้วย เพราะคำนาม “เสรี” นั้นขยายความประชาธิปไตยบอกถึงคุณลักษณะของประชาธิปไตยว่าไม่ใช่แบบ ประชาธิปไตยรวมศูนย์ และไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบชี้นำด้วย ระบอบประชาธิปไตยที่อ้างอิงเส้นเวลาที่กินความยาวนานนับสองพันปีในนครเอเธนส์ แต่ประชาธิปไตยในกรีกโบราณก็ไม่ใช่เสรีประชาธิปไตยอยู่ดี เพราะสังคมกรีกโบราณเป็นสังคมที่มีทาส ผู้หญิงไม่ได้สำคัญเท่าผู้ชาย
การเสื่อมถอยของเสรีประชาธิปไตยมีความชัดเจนมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ฟาสซิสต์และนาซีคือภาพที่ชัดเจน สงครามเย็นก็ด้วย ภาพของการต่อสู้กันระหว่างเผด็จการเบ็ดเสร็จกับทุนนิยมหรือเสรีประชาธิปไตย ถึงแม้ว่า ชัยชนะของเสรีประชาธิปไตยประกาศก้องหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ก็ตาม แต่ชัยชนะของเสรีประชาธิปไตยเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ความขัดแย้งยังคงดำรงอยู่ในยามตื่นและหลับใหล ทั้งผลักไสให้ผู้คนตกอยู่สภาวะแปลกแยกเรื่อยมา
บาดแผลของความถดถอยของเสรีประชาธิปไตย สำแดงอาการหลังวิกฤตการเงินปี 2008 เพียงแต่ศัตรูของเสรีประชาธิปไตยไม่ได้มาจากภายนอกแบบสงครามเย็น แต่มาจากภายในดินแดนเสรีประชาธิปไตยเอง เป็นปมที่อาจารย์ธเนศอธิบายให้เห็นความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น วิกฤตเศรษฐกิจเพิ่มคนจนมากเท่าทวีคูณ และความยากจนก็ไม่จำกัดอยู่ในรั้วรอบขอบชิดของประเทศที่ยากจนเท่านั้น ทั้งยังแทรกซึมไปถึงประเทศร่ำรวย
ความฝันที่จะเป็นเจ้าของบ้านในฐานะทรัพย์สินส่วนบุคคล ย่อมเป็นความเลื่อนลอย อันไกลโพ้นจากความจริง
แม้การขยายตัวของเสรีนิยมใหม่ต้องการขายหลักกลไกตลาดไปสู่ทุกอณูของสังคมและชีวิตผู้คน แต่กลับทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยถ่างไกลออกไปมหาศาล แม้แต่ชนชั้นกลางกับชนชั้นสูงก็ด้วย และกลายเป็นเรื่องของเราทุกคนในที่สุด
สำหรับเสรีนิยม รัฐคือตัวถ่วงการเจริญเติบโตของตลาดเสรี เพราะเสรีภาพของตลาดจะต้องไม่มีใครขัดขวาง จนทำให้ฝ่ายต่อต้านเสรีนิยมใหม่เรียกว่า ผู้บ้าคลั่งตลาด ตลาดจึงเป็นองค์อธิปัตย์ที่สำคัญของเสรีนิยมใหม่ องค์อธิปัตย์ทางเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันกับอำนาจรัฐที่เคยผูกขาดการใช้ความรุนแรงให้กลับกลายมาเป็นองค์กรที่ไร้ซึ่งความรุนแรง
ถึงแม้ว่า ความไว้วางใจจะเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตในสังคม เลยพ้นไปในปริมณฑลทางการเมือง ความไว้วางใจเป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่ดี แต่ความไม่ไว้วางใจต่อระบบการเมืองและนักการเมืองกลับมีมากขึ้น สำหรับเสรีนิยมใหม่แล้วความไว้วางใจควรจะมอบให้ตลาดมากกว่า เพราะตลาดไม่มีอำนาจแบบรัฐที่ยังผูกขาดการใช้ความรุนแรง เพียงแต่อำนาจและความมั่งคั่งของแต่ละคนไปจนถึงแต่ละชนชั้นนั้นไม่ได้เท่าเทียมกันตามอุดมการณ์เศรษฐกิจตลาด อำนาจและความมั่งคั่งกระจุกอยู่ในมือของคนจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะภาคการเงิน
แน่ล่ะ! ประชาธิปไตยที่มีความหลากหลายจะยังไม่ได้ล่มสลายไปซะทีเดียว แต่เส้นทางของเสรีประชาธิปไตยไทยลดความสำคัญลง เส้นทางของอำนาจนิยมขยายตัวไปพร้อม ๆ กับการแบ่งขั้วการเมือง และความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ความคาดหวังที่จะให้สถาบันการเมืองในระบอบเสรีประชาธิปไตยตอบสนองต่อผู้คนได้อย่างทรงประสิทธิภาพนั้นเป็นอะไรที่จับต้องได้ยาก
หนึ่งในความหวังต่อระบอบเสรีประชาธิปไตย ถูกโยนไปให้กับประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือ ที่เปิดทางให้กับการมีส่วนร่วมและตอบสนองต่อผู้คนในระดับเล็ก ๆ ความหวังของประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารืออยู่ที่การไตร่ตรองเรื่องราวต่าง ๆ อย่างละเอียด จึงใช้เวลาอันยาวนานเกินกว่า ผู้คนจะทนรอ
เขาผู้นั้นบรรลุความอดกลั้นท่ามกลางความไม่อดกลั้นในสังคมเหลื่อมล้ำต่ำสูง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถึงอย่างนั้น หนังสือเล่มนี้ก็ยังลงเอยด้วยความหวังต่อประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือจะช่วยควบคุมอำนาจรัฐตามกรอบคิดเสรีนิยมที่ต้องจำกัดอำนาจรัฐ ด้วยความหวังที่จะชุบชูชีวิตให้ระบอบเสรีประชาธิปไตยไม่แห้งแล้งจนสิ้นหวัง “เพราะมันคุ้มค่าที่จะหวัง” เพื่อนชาวเยอรมันบอกแบบนั้นเพราะเคยเริ่มต้นจากติดลบ และซากปรักหักพัง ประชาธิปไตยแบบปรึกษาหารือจึงเพิ่มความเข้มข้นให้กับการมีส่วนร่วมและประชาธิปไตยแบบตัวแทนบนรอยปริแตกขัดแย้งของระบอบที่พร้อมที่จะนำไปสู่การเสื่อมถอยได้ทุกเมื่อ และการเริ่มต้นใหม่ก็เกิดขึ้นได้เสมอในทางวิบากอันไกลโพ้นนี้
หนังสือ: Liberal Democracy ไปดูวานาเสรีปรชาธิปไตยล่มที่ปากอ่าว
นักเขียน : ธเนศ วงศ์ยานนาวา
สำนักพิมพ์: Text
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน)ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี