ไร้รากเหง้า - Decode
Reading Time: < 1 minute

เพราะมนุษย์ไม่ควรตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้

สิทธิพล ชูประจง

ตัวตน ณ ที่แห่งหนึ่ง

ทุกครั้งที่ต้องไปโรงพยาบาล ผู้ให้บริการในโรงพยาบาลตั้งแต่หมอยันพยาบาลจะมีคำถามตัวโตดังมาว่า “ทำไมถึงไม่ไปทำบัตรประชาชน” หรือเลยเถิดไปถึงการแนะนำ “ไปทำบัตรประชาชนนะ” เขาทำได้แต่เพียงเงียบเสียงและส่งสีหน้าที่ปั้นไม่ถูกเป็นคำตอบให้กับคำถาม มันคือความเงียบที่เขารู้ดีว่ามันไม่ง่ายกับการได้บัตรประชาชนบนเงื่อนไขที่ตัวคนไม่มี แม้แต่ชื่อและนามสกุลจริง

โรงพยาบาล สถานที่ที่เขาต้องไปนับครั้งไม่ถ้วน เพราะโรคไขข้อเดินกะโผลกกะเผลก โรคทางตาที่พร่ามัวคล้ายมองโลกผ่านหมอกจางเรื่อยมา ถ้าเขาเป็นทั้งคนมีสตางค์และมีสถานะบุคคล คงถูกนับว่าเป็นคนไข้และลูกค้าชั้นดีของโรงพยาบาลเอกชนได้บ้างแหละ หรือถ้าเขามีสถานะบุคคลเข้าใช้บริการโรงพยาบาลรัฐ คงถูกนับว่านี่คือประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มาใช้สิทธิ์สวัสดิการที่ควรมีและควรได้

แต่ในข้อเท็จจริง เขาต้องเสียเงินเองทุกครั้งในวันที่มาโรงพยาบาลกับอาการเจ็บป่วยที่จ่ายไม่แพงนัก แต่ถ้าวันไหนมาโรงพยาบาลด้วยโรคที่ค่าใช้จ่ายนั้นแพงขึ้นมาหน่อยและต้องจ่ายหลาย ๆ ครั้ง เขาจำต้องใช้ช่องทางในระบบสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาลรัฐนั้นเป็นผู้จ่ายให้ ต้องตกเป็นผู้ถูกสงเคราะห์ ประเด็นสำคัญคือ การสงเคราะห์นั้นจะรักษาต่อเนื่องได้มากน้อยขนาดไหน ไม่มีวันจะรู้ได้เลย

การปรากฏตัวของ เอ ไม่มีนามสกุล

ในกิจกรรม Food For Friends เมื่อปี 2557 เขาเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วยการรับการแจกจ่ายข้าวปลาอาหารในฐานะของคนไร้บ้านที่นอนอยู่ที่พาหุรัด เขาชอบเข้ามาทักทายเจ้าหน้าที่กิจกรรม พูดคุยเรื่องราวไร้บ้านของเขาให้ผู้คนได้ฟังอย่างเมามัน ท่าทางการเข้ามาไม่เขินอายแต่ก็เห็นความไม่มั่นใจ แต่เขาก็เดินดุ่มเข้ามาราวหิวกระหายสายสัมพันธ์มากกว่าอาหารกล่องตรงหน้าเสียอีก

ครั้งแรกของการพบเจอ เขาเลือกที่จะเล่าอย่างหมดเปลือก เขาคือคนที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน และเขาอยากจะมีมัน “พี่ช่วยทำให้ผมหน่อยได้มั้ย” คำร้องขอที่ทำให้ต้องเพิ่มบทสนทนาเข้าไปว่าทำไมถึงไม่มีบัตร บัตรหาย??? ไม่ได้แจ้งเกิด??? หรือว่าอย่างไร คำตอบจากคำถามปรากฏตัวขึ้นว่า เขาไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับการเกิดของตัวเองสักอย่าง พ่อแม่คือใคร เกิดที่ไหน ญาติพี่น้องมีหรือไม่ ที่จำได้คือ เขาถูกเลี้ยงโดยพระที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร

วัดชื่ออะไร หมู่บ้านตำบลอำเภอที่วัดตั้งอยู่ ไม่ปรากฏในความทรงจำของเขา เขาจำได้เพียงว่าพระเรียกเขาว่า “เอ” เอเด็กวัดตัวเล็กที่โดนเด็กวัดด้วยกันทำร้าย ขว้างปาด้วยหิน มันคือความทรงจำสุดท้ายของวัดนั้น ก่อนเขาจะเดินตีนเปล่าหนีออกจากวัด เป็นการหนีออกจากบ้านครั้งแรกของเขา จุดหมายปลายทางไม่รู้ที่ไหน รู้แต่อยากหนีมาให้ไกลที่สุด ประติดประต่อความทรงจำได้อีกครั้งก็มาอยู่แถวหัวลำโพงในนามของเด็กเร่ร่อนแล้ว

วันหนึ่งมีครูลงมาหาที่หัวลำโพง “เขาก็พาผมไปอยู่บ้านที่มีแต่เด็กเร่ร่อน แล้วผมก็ออกมาจากบ้านหลังนั้น” เมื่อโตกว่าที่จะเป็นเด็กในการดูแลของบ้านได้อีกต่อไป เขาออกจากบ้าน โลกไร้บ้านเปิดรับเขาเข้ามาอีกครั้ง รับจ้าง ใช้แรงงานต่าง ๆ หนักสุดลงเรือประมงในฐานะแรงงานบังคับ เพื่อเลี้ยงชีพชอบ แต่ในโลกที่เหี้ยมเกรียม เขาผู้เลี้ยงชีพชอบแต่ผู้คนอื่นที่เป็นผู้จ้างวานมักไม่เลี้ยงชีพโดยชอบ งานที่ผ่านมานับเป็นโปรไฟล์เป็นพอร์ตโฟลิโอส่วนตัวของคนที่ชื่อว่า “เอ” แต่ไม่มีนามสกุล ได้เป็นอย่างดี เป็นพอร์ตที่สร้างแต่บาดแผลให้กับชีวิตเขา

นามสกุล “แรมโบ้”

หลังจากพบเจอกันหลายต่อหลายรอบจากกิจกรรมแจกข้าว ถึงวันที่คนชื่อ “เอ” ถามไถ่เราว่าเขาอยากทำงาน “มีงานให้ผมทำมั้ยครับ” “ผมอยากไปที่มูลนิธิกระจกเงา ผมไปได้ใช่มั้ยครับ” วันถัดมาเราก็พบเขาปรากฏตัวที่มูลนิธิฯ “พี่มีงานให้ผมทำมั้ยครับ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ ขอแค่ข้าวกินกับที่นอน” เราตอบรับการเสนอตัวของเขา หลังจากวันนั้น เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของมูลนิธิกระจกเงาไปโดยปริยาย งานที่ทำเป็นงานรับของบริจาค เราทดลองงานเขาอยู่เพียงไม่กี่วัน หลังจากนั้นเขาได้รายได้จากการทำงาน ทำการจัดการห้องเช่าให้

มีอยู่วันหนึ่งเขาอยากให้ทุกคนรู้ว่า ฉันก็มีนามสกุล เขาเดินบอกกับทุกคนในที่ทำงานว่า ผมชื่อ “เอ นามสกุล แรมโบ้ ครับ” ให้เรียกเขาว่า “เอแรมโบ้” ดีที่สุด เขาเล่าที่มาของนามสกุลนั้นว่า เขาชอบดูหนังเรื่องแรมโบ้ที่สุด เขาอยากเป็นแรมโบ้ และหนังนั้นเขาได้ดูจากกลางแปลงตามงานบุญต่าง ๆ ที่เขาร่อนเร่ไปมาในโลกของคนไร้บ้าน

อาจจะถูกต้องที่สุดที่เขาเลือกชื่อแรมโบ้เป็นนามสกุลของเขา ในหนัง แรมโบ้มีภาวะ PTSD แต่เอแรมโบ้ถูกหลอกหลอนจากชีวิต Loser มาในตลอดช่วงชีวิตไร้บ้าน หลายครั้งที่เอแรมโบ้มักระเบิดอารมณ์โดยการทำลายข้าวของของตัวเอง อย่างขว้างโทรศัพท์ ฉีกเสื้อ ร้องไห้ และหายไปจากการทำงานเป็นเดือน ๆ แล้วเขาก็กลับมา พร้อมคำขอโทษ ซึ่งฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องระเบิดอารมณ์มักเกิดจากที่มีใครทำให้เขาต้องรู้สึกถึงการเป็นคนต้อยต่ำอีกครั้ง มันคือ PTSD จากโลกไร้บ้านของเขาก็ไม่น่าจะผิดนัก

ปรากฏตัวในโลกใหม่

พอชีวิตเริ่มลงตัว เขาทำการเข้าสู่โลกใหม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ(ที่ซื้อบ่อยครั้งหลังจากการขว้างปา) โลกออนไลน์ คือโลกใหม่ของเขา เขาสมัคร Facebook เพิ่มเพื่อนในโลกจริงที่เขาสนิทสนมเข้าไปในโลกออนไลน์ เขาสมัครมันทั้ง ๆ ที่เขาเองไม่รู้หนังสือสักตัวเดียว ที่สำคัญเขาถือโอกาสใช้วันที่สมัคร Facebook เป็นวันเกิดของเขา เมื่อ Facebook เตือนวันนี้ครบรอบวันที่เขาสมัคร วันนั้นเขาจะวุ่นวายเป็นพิเศษเพื่อบอกใครต่อใครในที่ทำงานว่าวันนี้วันเกิดผม

พ.ศ.2563 ความใฝ่ฝันที่ว่าจะได้มีบัตรประจำตัวประชาชนกลับมาอีกครั้ง กลับมาหลังจากมีกลุ่มนักกฎหมายเข้ามาช่วยฟื้นความใฝ่ฝันนี้ขึ้นมา พวกเขาเริ่มจากการสัมภาษณ์เอแรมโบ้ สัมภาษณ์คนใกล้ชิดและรู้จักเอแรมโบ้เป็นอย่างดี เป้าหมายคือ การทำให้เอแรมโบ้มีตัวตนขึ้นมาในทะเบียนของรัฐไทย หลังจากนั้นก็พัฒนาให้เอแรมโบ้ได้มีสภาพความเป็นบุคคลพลเมืองของรัฐไทยโดยสมบูรณ์ ได้บัตรประจำตัวประชาชนที่เขาใฝ่ฝัน

ปัจจุบันเขามีบัตรแล้ว แต่บัตรนี้มีพื้นสีขาวใช่สีฟ้า และเลขในบัตรมันขึ้นต้นด้วยหมายเลข 0 หมายเลขศูนย์ที่มีความหมายว่า เป็นผู้ที่ยังไม่มีสถานะทางทะเบียนของรัฐไทย ว่าง่าย ๆ คือยังอยู่ในสถานะคนไร้สัญชาติ แต่ไม่ไร้รัฐอีกต่อไปแล้ว การได้มาซึ่งบัตรหมายเลขศูนย์นั้นอย่างน้อยที่สุด เขายังได้รับการดูแลจากรัฐไทยในสวัสดิการต่าง ๆ ที่สำคัญ สวัสดิการการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐฟรี ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับเพื่อใช้ดูแลความเจ็บป่วยในโรคเรื้อรังที่ก่อเกิดติดตัวมาตั้งแต่ใช้ชีวิตในโลกไร้บ้านเป็นต้นมา

ในปี พ.ศ.2567 นี้เอแรมโบ้จะถูกนับว่าเขาปรากฏในรัฐไทยแล้วครบ 10 ปี โดยไล่เรียงจากหลักฐานที่เขาเข้าไปอยู่ในเรื่องราวและรูปภาพใน Facebook ของมูลนิธิกระจกเงาตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา และสิ่งนี้เองมันจะเป็นจุดเปลี่ยนให้เอแรมโบ้สามารถพัฒนาการสถานะบุคคลของเขาไปสู่การมีสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชนตามที่เขาใฝ่ฝันมาเนิ่นนานหลายปี จุดเปลี่ยนนี้เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของกฏหมายพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 ซึ่งพูดง่าย ๆ ก็คือให้คนที่พิสูจน์ว่าอยู่ในรัฐไทยครบ 10 ปี และไม่สามารถจะสืบค้นรากเหง้าได้จริง สามารถเข้าถึงการได้รับสัญชาติไทยได้


เรากำลังรอวันนั้นด้วยใจจดจ่อ เมื่อถึงวันนั้น เราอยากจะรู้ว่า เอแรมโบ้
จะใช้ชื่อและนามสกุลอะไร ในบัตรประจำตัวประชาชนของเขากันนะ