ลาดูแลหัวใจ เมื่อชีวิตคนเป็นมากกว่าแรงงาน - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประกายไฟลามทุ่ง

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

แม้เราจะทำงานรับใช้ระบบทุนนิยม ที่เวลา และร่างกายของเราถูกสะกดไว้ให้เสียสละเพื่อความมั่งคั่งของผู้ว่าจ้าง เวลาเริ่มงานจนเลิกงาน ความสามารถ ทักษะ ความฝัน จินตนาการเพื่อให้เราได้รับค่าจ้าง หรือมีโอกาสทำงานต่อไป คำถามคือ เมื่อชีวิตส่วนใหญ่ของเราอยู่ในที่ทำงาน หรือทำงานให้กับผู้อื่น มนุษย์มีสิทธิ์ที่จะมีเวลาของตัวเองมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ของเรา

ตามกฎหมายแรงงาน การทำงาน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ยังเป็นชั่วโมงการทำงานตามปกติของกฎหมายแรงงาน หรือการทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ในบางองค์กร อาจกำหนดวันทำงานปกติเป็น 5 วันต่อสัปดาห์ แต่สัดส่วนองค์กรที่ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ยังมีสัดส่วนสูงแบบนัยยะสำคัญ นอกจากนี้การลาป่วย ลากิจ หรือลาพักผ่อนประจำปี ก็มีสัดส่วนที่น้อย และวางเงื่อนไขที่ทำให้ ผู้ลาไม่สามารถลาได้เต็มที่

อย่างเช่นการลากิจ ก็มีเงื่อนไขที่ต้องเป็นภารกิจที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นทำได้

ลาพักผ่อนมีเพียง 6 วัน ต่อปี และต้องได้รับความเห็นชอบจากฝั่งนายจ้าง

คำถามสำคัญคือชีวิตของคนไม่ใช่แค่แรงงาน และไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้ มีความเปราะบางหลายอย่างที่มนุษย์พึงได้รับการดูแล ที่ไม่ใช่เพียงแค่แรงงานแต่หมายถึงแง่มุมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงาน ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เราสามารถลาเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ของเราได้หรือไม่

เมื่อเดือนที่ผ่านมามีกรณีลูกจ้างของโรมแรมแห่งหนึ่งถูกปฏิเสธการลาเนื่องด้วย เงื่อนไขการลาดูแลพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งการลาไปบอกลาคนที่เรารัก ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขสิทธิพื้นฐานของการลา เอาเข้าจริง ๆ แล้วนอกจากการลาจะเป็นสิทธิพื้นฐาน การลายังเป็นเงื่อนไขเชิงบวกที่เป็นประโยชน์กับทั้งองค์กร และตัวพนักงานเอง โดยสามารถพิจารณาประโยชน์ของการลาดูแลครอบครัวได้ดังนี้

ประโยชน์ส่วนบุคคล ให้วันลาเพื่อดูแลคนในครอบครัวช่วยให้ลูกจ้างสามารถให้ความสนับสนุนและดูแลคนที่สำคัญในชีวิตได้อย่างถูกต้อง นี้อาจเป็นเรื่องสำคัญเมื่อคนในครอบครัวมีปัญหาสุขภาพหรือความจำเป็นที่ต้องดูแล ซึ่งส่งผลต่อ สุขภาพจิต ลูกจ้างที่ได้รับการสนับสนุนในเวลาที่ต้องการมักจะมีสมรรถนะในการทำงานที่ดีขึ้นและรู้สึกพึงพอใจกับนายจ้าง การให้วันลาเพื่อดูแลคนในครอบครัวช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงของลูกจ้าง พวกเขาอาจรู้สึกว่าบริษัทมีความเข้าใจสถานการณ์ของพนักงานในเวลาที่จำเป็น ส่งผลให้พนักงานยังคงมีความผูกพันและปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัท

การลาเมื่อมีความจำเป็นต้องดูแลคนครอบครัว ยังสามารถเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดี และพบว่าพนักงานที่มีความสัมพันธ์กับครอบครัวที่ดีจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมงานได้ และยังลดการใช้วันลาผิดประเภท หรือการขาดงานที่ทำให้การบริหารจัดการบุคคลซับซ้อน ยุ่งยากและสร้างความขัดแย้งระยะยาว

ลองจินตนาการดูว่าหากวันหนึ่ง คนในครอบครัวเราไม่สบาย หรือมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการดูแล ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน ตั้งแต่วันที่ลูกรับรางวัล วันพาแม่ไปหาหมอ เยี่ยมคนรู้จักที่ไม่สบาย ให้กำลังใจเพื่อนที่ประสบปัญหาของชีวิต ก็ล้วนเป็นความจำเป็นทั้งนั้น ที่มนุษย์ยังสัมผัสเจ็บปวดระหว่างกันได้ เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากหุ่นยนต์ ต่างจากเครื่องจักร เรามักกังวลคนจะใช้วันลาอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่ตามที่ได้ระบุไปข้างต้นวันลาที่เหมาะสม เพียงพอ จะทำให้คนใช้วันลาอย่างเหมาะสมถูกต้อง และจากการศึกษาก็พบว่า คนส่วนมากจะไม่ใช้วันลาถ้าไม่จำเป็น แต่การมีวันลาที่เหมาะสมจะทำให้พวกเขาอุ่นใจมากขึ้น

จากการศึกษาเบื้องต้นของผู้เขียน เราพึงมีวันลา ให้พนักงานมีสิทธิ์ลาไปดูแลบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน หรือ ผู้ป่วยที่มีความต้องการการดูแลทางร่างกายและจิตใจ ปีละไม่เกิน 15 วัน โดยที่หากเป็นการลาเกิน 5 วันติดกันจึงแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ผมเคยสนทนากับมิตรสหายว่า มีครั้งหนึ่งแม่ของเขาป่วยหนัก ญาติพี่น้องบอกว่าใกล้ไปแล้ว ลูกหลานกลับไปเยี่ยม ปรากฏว่าแม่ของเขาหายดี และอยู่ต่อไปอีก 2-3 ปี วันลาไม่กี่วันของลูกหลานสามารถทำให้คนที่สำคัญของพวกเขามีชีวิตต่อไปได้อีกนับปี ถือเป็นความคุ้มค่าอย่างมากที่ไม่สามารถประเมินได้

ในฐานะคนธรรมดาสามัญอย่างเราที่ชีวิตไม่ได้มีอำนาจในการบงการเหนือชีวิตใคร ไม่มีเงินทองที่จะใช้แก้ปัญหาใด ก็มีเพียงเวลาในชีวิตเราเท่านั้นที่เราเป็นเจ้าของ บางอย่างวัดประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ เราอาจมีค่าแค่ 3-4 ร้อยบาทต่อวันสำหรับกลุ่มนายทุน แต่เวลาไม่กี่ชั่วโมงของเราอาจสำคัญอย่างมากสำหรับใครคนหนึ่งก็ได้

วันที่พ่อแม่ไปดูการแข่งขันสำคัญของลูก

วันที่ เราประคองมือพ่อ แม่เราในวันสุดท้ายของพวกเขา

วันที่เราสวมกอดเพื่อนสนิทในวันที่พวกเขามีปัญหาไม่กี่นาทีนั้น

สำคัญมากที่วัดประเมินไม่ได้ และไม่ได้เป็นพียงการให้เท่านั้นแต่ยังเป็นการยืนยันความเป็นมนุษย์ของเราที่ยังมีอยู่

ลาเพื่อดูแล ลาเพื่อบอกลา พึงเป็นข้อเสนอสำคัญสำหรับการสร้างสังคมที่เท่าเทียมต่อไปในอนาคต