ถึงมนุษย์แรงงานทุกคน เพราะบนโลกใบนี้ไม่มีงานง่าย - Decode
Reading Time: 2 minutes

เมื่อคุณทำงานอยู่ที่ใดไปสักระยะนึง เคยมีความคิดอยากลาออก เพื่อเปลี่ยนงาน หรือเพื่อหยุดพักหายใจบ้างไหม

แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณอยากลาออกล่ะ

ถ้าเกิดจากความเครียด ภาวะหมดไฟในการทำงาน ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับตัวละครหลักของหนังสือเล่มนี้ บนโลกนี้ไม่มีงานง่าย เขียนโดย สึมูระ คิคูโกะ แปลโดย พรพิทักษ์ นิ่มอนงค์

ตัวละครหลักของเรื่องนี้ คือหญิงสาววัย 36 ปี ในหนังสือไม่ได้บอกกับผู้อ่านว่าเธอชื่ออะไร ระหว่างที่เราอ่านในบางสถานการณ์เราอาจเทียบเคียงว่าเป็นตัวเราเองได้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียนว่าการที่ไม่มีชื่อของตัวละครหลัก เพราะอยากให้ผู้อ่านสวมบทบาทนั้นแทนเลยหรือเปล่า

อย่างที่บอกไปว่าเธอออกจากงานประจำเดิมที่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนจบ เนื่องจากภาวะหมดไฟ ซึ่งจริง ๆ ความตั้งใจเดิมตอนแรกเธออยากออกมาพักใจเฉย ๆ ก่อน แต่ก็นั่นแหละ เธอยังต้องกินต้องใช้ จึงจำเป็นต้องออกมาหางานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่งานประจำ แต่เป็นงานพาร์ตไทม์ งานสัญญาจ้างโดยผู้ช่วยในการหางานของเธอคือ คุณมาซากาโดะ หญิงสาวที่ดูอายุเยอะแล้ว เพราะตัวละครหลักของเรื่องบอกกับเราว่าเธอดูเหมือนอายุมากกว่า 60 ปี คุณมาซากาโดะมาจากบริษัทจัดหางาน โดยในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนงาน เธอจะเป็นที่ปรึกษาของตัวละครหลักเสมอ ทุกครั้งที่มีปัญหาเรื่องการต้องลาออกจากงานคุณมาซากาโดะมักรับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ และให้คำแนะนำที่ดีเสมอ พยายามพูดคุยกับตัวละครหลัก เพื่อที่จะได้สามารถแนะนำงานใหม่ให้ได้ตรงตามความต้องการ

มีคำให้ปรึกษาของคุณมาซากาโดะที่เคยบอกกับตัวละครหลักอันนึงที่ฉันชอบก็คือ

ฉันไม่แนะนำให้คุณตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งชังกับงานของคุณนะคะ

อาจเพราะคุณมาซากาโดะรับรู้จากการพูดคุยกับเธอได้ว่าเธอจะเครียดหากได้ทำงานที่ต้องตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้น จนเป็นเหตุให้ต้องลาออกจากงานในที่สุด

ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่าหลังจากเธอลาออกจากงานประจำมาภายใน 1 ปี เธอเปลี่ยนงานไปแล้ว 4-5 ครั้ง ตอนฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ถึงกับร้องว้าวเลย เพราะถึงแม้ว่างานที่เธอทำแต่ละงานจะไม่ใช่งานประจำ แต่การเปลี่ยนงานแต่ละครั้งล้วนมีเหตุผล บางงานที่เธอลาออกเอง ต้องอาศัยความกล้าหาญในการตัดสินใจ และเธอต้องรู้จักตัวเองมากเลยทีเดียวว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง อาจจะไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าอยากทำอาชีพอะไร แค่รู้ว่าอยากทำงานลักษณะไหนก็น่าจะพอให้ทำงานอย่างมีความสุขแล้ว และในทุกงานเธอตั้งใจทำทุกงานที่ได้รับมอบหมาย แม้ว่างานนั้นจะมีอุปสรรคก็ตาม

ในหนังสือได้พูดถึงการเปลี่ยนงาน 5 ครั้ง แต่ละงานล้วนเปิดโลกผู้อ่านเหมือนกันว่า… มีงานแบบนี้ด้วยหรอ

งานแรกของเธอ คืองานสังเกตการณ์พฤติกรรมคนที่น่าสงสัยผ่านกล้องวงจรปิดที่ทางบริษัทของเธอไปแอบติดไว้ โดยคนที่เธอได้รับมอบหมายให้สังเกตการณ์คือ คุณยามาโมโตะ ยามาเอะ อาชีพนักเขียนนิยาย เหตุผลที่เขาโดนตั้งกล้องสังเกตการณ์ เพราะมีคนตั้งข้อสงสัยว่ามีคนส่งของผิดกฎหมายทางพัสดุให้เธอ ในทุก ๆ งานเธอมักจะบอกถึงข้อดีข้อเสียของงานนั้น ๆ อย่างงานนี้ ข้อเสียคือ ต้องจ้องหน้าจอมอนิเตอร์ตลอด ทำงานอยู่กับที่ แต่ข้อดีก็คือ ที่ทำงานไม่ไกลบ้าน สามารถคุยกับเพื่อนร่วมงานในเวลาทำงานได้บ้าง และหัวหน้าก็ไม่ได้กดดันในการทำงานมากจนเกินไป แต่เมื่อทำงานไปเรื่อย ๆ แม้ว่างานนี้จะให้ค่าตอบแทนที่ดูสมน้ำสมเนื้อ แต่เธอกลับรู้สึกไม่อยากทำต่อแล้ว เพราะเธอรู้สึกว่าการเฝ้ามอนิเตอร์คนอื่นมันเป็นเรื่องผิดชอบกล ดังนั้นเมื่อถึงตอนที่จะต่อสัญญา เธอจึงปฏิเสธไป

งานที่สอง เธอขอคุณมาซากาโดะ ที่ปรึกษาที่ช่วยเธอหางานว่าของานที่ไม่หวือหวา ได้ทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งงานที่เธอได้คือ งานเขียนบทโฆษณาบนรถประจำทาง ซึ่งรถประจำทางสายที่เธอต้องเขียนบทโฆษณา จริง ๆ ตอนแรกรถประจำทางสายนี้จะต้องถูกยกเลิกการเดินทางแล้ว แต่เนื่องจากโดนคัดค้านจากคนในพื้นที่ รถประจำทางสายนี้จึงยังคงดำเนินการต่อไป และการที่รถประจำทางจะดำเนินต่อไปได้ต้องอาศัยการซื้อโฆษณาเพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการบำรุงรถ นอกจากงานเขียน เธอยังต้องไปสำรวจแต่ละที่ที่รถประจำทางขับผ่านด้วย แต่ที่มากกว่าขอบเขตงานหลักคือ หัวหน้าของเธอให้เธอช่วยจับตามองเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง ซึ่งก็ดูว่าจริง ๆ เพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรแถมยังทำงานเก่งอีกด้วย แต่เธอก็จัดลำดับความสำคัญว่าต้องทำหน้าที่หลักก่อน นอกจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์บนสายรถประจำทางแล้ว ยังช่วยเตือนเหตุร้ายให้คนในพื้นที่ช่วยกันเฝ้าระวังได้ด้วย ซึ่งก็ดูจะได้ผลดี 

อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนร่วมแผนกเดียวจะลาออกทำให้เธอรู้สึกใจหาย และก็ดูเหมือนว่าในขณะเดียวกัน แผนกที่เธอทำงานอยู่จะถูกยุบ เพราะการประกาศรับโฆษณาบนรถประจำทางถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้เธอต้องย้ายไปแผนกอื่น  

การเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานเกิดขึ้นหลายอย่างพร้อมกัน แต่เป็นตัวเราเราก็คงนั่งไม่ติด แม้ช่วงแรกจะทำใจได้ยาก แต่ก็ต้องค่อย ๆ ปรับตัวกันไป

ในระหว่างช่วงชุลมุนนั้นเอง ก็มีคนในที่ทำงานเสนอว่า ไหน ๆ แผนกเขียนโฆษณาก็จะไม่มีแล้ว มันจะดีกว่าถ้าเธอเอาผลงานจากที่นี่ไปทำงานที่อื่น ซึ่งในตอนนั้นจริง ๆ มีข้อเสนอของบริษัทอื่นที่เป็นลูกค้าของบริษัทนี้มาขอตัวของเธอด้วย ซึ่งค่าจ้างรายชั่วโมงสูงกว่าบริษัทรถประจำทางนี้ และได้ทำเนื้องานคล้าย ๆ เดิมที่เคยทำด้วย แต่ถ้ายังจะทำงานที่เดิมก็อาจจะต้องไปทำงานแผนกธุรการแทน

ข้อเสนอเหล่านี้ทำให้เธอคิดหนัก แม้เธอจะไม่อยากตัดสินใจ แต่ในที่สุดเธอก็ต้องตัดสินใจ ส่วนหนึ่งที่เธอยังไม่อยากออกจากที่นี่ เพราะปัญหาบางอย่างที่เธอกังวลมันยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่เมื่อเธอตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าปัญหานั้นได้รับการแก้ไขแล้ว แรงขับเคลื่อนที่อยากจะเปลี่ยนงานของเธอก็กลับมาอีกครั้ง

งานที่สาม งานถุงขนมโอคากิ งานนี้เธอก็ยังคงเป็นพนักงานสัญญาจ้างเช่นเดิม แต่ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น และมีประกันสุขภาพ บริษัทนี้ผลิตขนมโอคากิ เป็นขนมที่ทำจากข้าวเหนียวหรือโมจิมาทอดให้พองเป็นก้อน ลักษณะงานของเธอที่ได้รับมอบหมายจากการทำงานที่นี่จะคล้ายกับการทำงานที่บริษัทก่อนหน้า เป็นงานคิดข้อความบนถุงขนม และโดนย้ำว่าเป็นงานที่สำคัญมาก แม้ว่างานนี้เธอจะสามารถเอาทักษะการเขียนบทโฆษณามาใช้กับงานออกแบบคำบนถุงขนมโอคากิได้ แต่อย่างที่เธอเคยบอกกับคุณมาซากาโดะไว้ว่าเธอไม่ชอบงานหวือหวา การที่เธอโดนย้ำว่างานนี้คืองานที่สำคัญ ทำให้เธอรู้สึกกดดันมาก

ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ แต่เธอก็ตั้งใจหาข้อมูล ศึกษากลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่จะออกแบบคำบนถุงขนม โดยเธอได้ใช้ประสบการณ์จากงานเขียนบทโฆษณาบนรถประจำทาง แม้ว่างานนี้จะคล้ายกับงานก่อนหน้าก็จริง แต่งานนั้นยังมีทีมที่ช่วยกัน ผิดกับงานปัจจุบันที่เธอต้องทำคนเดียว แต่สุดท้ายเธอก็ทำงานนี้ออกมาได้ผลตอบรับที่ดี มีคนชื่นชมกับงานที่เธอทำ แต่ก็มีจุด ๆ นึงที่ทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับงานนี้เท่าไหร่ เพราะเริ่มมีคนเข้ามายุ่มย่ามกับงานที่เธอทำ และเธอรู้สึกว่าคน ๆ นั้นพยายามจะขโมยงานของเธอไป มันทำให้ความมั่นใจในการทำงานของเธอลดลง

ในขณะที่เธอกำลังคิดอยากจะลาออก และก็คิดว่าหัวหน้าน่าจะไล่เธอออก แต่กลายเป็นว่าไม่เป็นแบบนั้น หัวหน้ายังคงอยากให้เธอทำงานเดิม และยื่นข้อเสนอว่าจะย้ายสถานที่ทำงานเธอให้ดีกว่าเดิม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอยากทำงานของเธอเพิ่มมากขึ้น มีแต่อยากจะออกทุกวัน ๆ และแล้วช่วงเวลาแห่งการต้องต่อสัญญาก็มาถึง และหลังจากที่เธอคุยกับที่ปรึกษาในการหางานใหม่ เธอก็ตัดสินใจลาออกจากงาน งานต่อมาเธอจึงเลือกงานที่เธอไม่เคยทำ ซึ่งก็คืองานที่ต้องออกนอกสถานที่

งานที่สี่ งานเยี่ยมเยียนตามตรอกซอกซอย จริง ๆ งานนี้แฝงมากับงานแปะโปสเตอร์ตามบ้านพร้อมกับถามสารทุกข์สุขดิบในแต่ละบ้าน ตอนที่เธอสมัครงานนี้ ทางบริษัทก็รับเธอเข้าทำงานเลยทันที เพราะไม่มีผู้สมัครคนอื่น งานใหม่นี้ดูเหมือนแค่งานง่าย ๆ แบบที่เธออยากได้จริง ๆ แค่ติดโปสเตอร์เอง แต่…

ถ้างานมันจะง่ายแบบนั้น แล้วหนังสือเล่มนี้จะชื่อ บนโลกใบนี้ไม่มีงานง่าย ได้อย่างไร 

งานนี้ไม่ใช่งานติดโปสเตอร์ธรรมดา แต่เธอต้องไปรับฟังความคิดเห็นของบ้านที่ต้องไปติดโปสเตอร์ด้วย และนั่นก็ทำให้เธอได้เจอโปสเตอร์ของอีกบริษัทนึงที่อยู่ในนาม กลุ่มไม่เหงา ซึ่งสืบไปสืบมาดูเหมือนว่ากลุ่มนี้จะหาช่องโหว่ของชาวบ้านเมืองนี้ในการเข้าหา แล้วจัดกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นการหลอกลวงคนที่หลงเชื่อเข้ากิจกรรมไป บริษัทของเธอจึงพยายามที่เข้าไปช่วยสกัดกั้นความผิดปกตินี้ โดยเธอได้เอาขนมจากที่ทำงานเก่า ขนมโอคากิ ไปเป็นตัวเชื่อมในการสนทนากับชาวบ้าน ในที่สุดภารกิจสกัดกั้นกลุ่มไม่เหงาก็สำเร็จ ไปพร้อม ๆ กับการปิดตัวของบริษัทด้วยเหตุผลบางอย่างของเจ้าของบริษัท

และด้วยเหตุนั้น เธอจึงกลับมาเป็นคนว่างงานอีกครั้ง

จะว่าไปงานทุกงานของเธอเหมือนจุดต่อจุด เพราะเธอสามารถเอาทักษะหรืออะไรบางอย่างมาใช้กับงานใหม่ได้เสมอ และในงานที่ 2-4 เหมือนเธอได้ใช้ทักษะการทำ Marketing ด้วย เพราะเธอต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายก่อน จึงจะสามารถออกแบบสินค้าหรือบริการให้ตรงตามความต้องการได้

งานที่ห้า เงื่อนไขในการหางานใหม่ของเธอ ยังคงเป็นการทำงานนอกสถานที่ คุณมาซากาโดะที่ปรึกษาเรื่องงานของเธอจึงแนะนำงานง่าย ๆ ที่กระท่อมกลางป่าใหญ่ จริง ๆ สถานที่ทำงานของเธอคือสวนสาธารณะ แต่เป็นสวนที่ใหญ่มาก จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น ป่า คนที่เคยทำงานตำแหน่งเดียวกันนี้ลาออกไปเพราะกลัวบรรยากาศของสถานที่ทำงานที่เงียบจนเกินไป แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ สำหรับงานนี้ฉันว่าเธอได้ใช้ทักษะในการสังเกต สำรวจสถานที่จากงานเดิมของเธอ แต่จากตอนแรกที่ดูเหมือนจะเป็นงานง่าย ๆ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ไม่ง่ายอีกแล้ว เมื่อมีคนแอบมาอาศัยอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ แถมทำให้มีเรื่องหลอน ๆ อีก จากงานดูแลสวนเลยกลายเป็นงานตามหาคนที่แอบเข้ามาอยู่ที่นี่เสียแล้ว

และเมื่อความจริงปรากฏ คนที่แอบมาอยู่ในสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นนักกีฬาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง การที่เขาหนีจากงานออกมาอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เพื่อหลีกหนีความกดดันจากงาน และเมื่อเขาได้อยู่ในป่าที่อยู่ในสวนสาธารณะไปสักพักทำให้เขาก็เริ่มพอใจกับการได้อยู่เท่านี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้เขาหลบอยู่ในสวนนี้เป็นเวลานาน 

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนั้นไป เธอก็รู้สึกว่าตัวเองชอบงานนี้แล้ว แต่กลายเป็นว่าจู่ ๆ เธอกลับมีอาการแพ้เกสรดอกไม้ที่มีอยู่ในสวนนั้น ปัญหานี้เป็นปัญหาทางสุขภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เธอต้องตัดสินใจลาออกจากงาน

จริง ๆ ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะหมดปี และคุณมาซากาโดะก็นำเสนองานมาให้เธอเลือก แต่เธอก็ตัดสินใจจะใช้เวลาที่เหลือในการพักผ่อน

จากเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวละครหลักเจอ มันก็ตรงกับชื่อหนังสือเลย สิ่งที่ตัวละครหลัก และฉันที่เป็นคนอ่านได้เรียนรู้ว่า บนโลกใบนี้ไม่มีงานง่ายหรอก ต่อให้เราจะอยากทำงานเรียบง่าย ไม่หวือหวาแค่ไหน เราไม่มีทางรู้ว่ากำลังจะได้ทำอะไรและอะไรจะเกิดขึ้น แม้ว่าอุปสรรคที่เจอในบางครั้งจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้ เราก็ทำได้แค่อธิษฐานและทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง ฉันเชื่อว่าการทำงานทุกอย่างมีปัญหาหมดถึงแม้เราจะพยายามหลีกหนีอุปสรรคนั้นด้วยการลาออก เราก็ต้องไปเจอปัญหาในที่ทำงานใหม่อยู่ดี สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้จากงานคือ เราได้เรียนรู้อะไรจากงานนั้นบ้าง มันคุ้มค่ากับที่เราจะลงมือลงแรงทำหรือเปล่า

Playread: บนโลกใบนี้ไม่มีงานง่าย
ผู้เขียน: สึมูระ คิคูโกะ
แปล: พรพิทักษ์ นิ่มอนงค์
สำนักพิมพ์: Bibli

PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี