'รอยยับ' ประจักษ์พยานในวัยหนุ่ม - Decode
Reading Time: 2 minutes

ผู้แพ้ในเพลงชื่อยาว

[ดวงดาวเดียวดาย] ประพันธ์ สุนทรฐิติ

ไม่ว่าเราปราณีตกับการใช้ชีวิตมากน้อยแค่ไหน โอกาสที่จะมีข้อบกพร่องย่อมที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ท่ามกลางการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวันวัย ย่อมมีเรื่องที่ไม่ได้ดังใจตัวเองอยู่บ้าง และขัดใจตัวเองกันอยู่บ้างเป็นเรื่องปกติ เขาถึงว่าอย่าไปคาดหวังว่าชีวิตจะปกติราบรื่น เอาแค่ให้มีสติได้รู้ทั่วพร้อมไปทั้งวัน บางครั้งก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ บางคนเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ยิ่งยามที่ต้องแบกรับภาระ หรือต้องอยู่ท่ามกลางเหตุผลต่าง ๆ อย่างนั้นยิ่งไร้สภาพแห่งการตื่นรู้ เพราะแท้ที่จริงแล้ว การระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่มีสติทั่วพร้อม ยิ่งยามเฝ้ามอง จับจ้อง สติยิ่งขาดออกจากการเพ่งพินิจได้ง่าย หากแต่ทว่าปล่อยให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ดำรงชีวิตเคลื่อนไหวไปอย่างสบาย ๆ ไม่ต้องไปตั้งแง่ให้กับตัวเอง แต่ควรจะมีกฎเกณฑ์บาง ๆ ครอบคลุมความตื่นตาตื่นใจเอาไว้บ้าง กันความอึกทึกครึกโครมจากภายนอก กระทบกระเทือนเข้ามาส่องสะท้อนใส่ เรียกว่าเพ่งพิจารณาด้วยสติปัญญารับรู้ เพียงเท่านั้นเป็นจุดเริ่ม สมัยนี้เขาถึงว่า ไม่จำเป็นต้องรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง เพียงแค่ให้มีเรื่องบางเรื่อง ที่ตนชำนิชำนาญติดตัวเอาไว้พอหอมปากหอมคอ สุดท้ายคือการปักหมุดหมายชีวิตด้วยความตั้งอกตั้งใจจริง อย่าเป็นพวกโอนเอนจับสิบวางสิบ ถ้าจับได้แค่หนึ่ง ก็ต้องแสวงหาเรียนรู้ในหนึ่งนั้นด้วยความตั้งอกตั้งใจจริง

เขาว่าใครจะรู้ตัวเราเองดีได้เท่าเรา เพราะเรานั่นล่ะคือคนแรก ๆ ที่จะได้ลิ้มลองในรสชาติของความสำเร็จ  หรือแม้แต่รสชาติของความล้มเหลวจริง ๆ จากบททดสอบต่าง ๆ ส่วนคนรอบข้าง เป็นเพียงผู้เสริมทัพรับรองเราอยู่ที่เบื้องหน้าและแผงหลังของชีวิต เพราะต่อให้มีคนซัพพอร์ตเราเป็นร้อยเป็นพัน แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำ ก็ยากที่จะสำเร็จได้ถึงฝั่งฝัน

แรงบันดาลใจก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะช่วยผลักดันให้บางสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเนิ่นนานนั้นได้เคลื่อนคลาย บางคนมีบางสิ่งที่อยากจะทำมากมายในหัว แต่กลับรู้สึกว่าตนไม่กล้าที่จะคลี่คลายหมุดหมายฝันนั่นออก บ้างก็ว่ามันอาจจะเป็นไปไม่ได้บ้าง บ้างก็อ้างว่าไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับสิ่งที่คิดฝัน แต่จะมีใครล่วงรู้บ้างไหมว่า มีใครบางคน พยายามมากมายที่จะสละช่วงเวลาส่วน

หนึ่งในชีวิตของตัวเอง ท่ามกลางภาระหน้าที่แออัดยัดเยียด มาลงมือสานฝันอันน้อยนิดในสายตาของผู้อื่น เพียงเพื่อตอบสนองความฝันในวัยเยาว์ของตัวเอง แน่นอนว่ามีคนเช่นนั้นอยู่จริง

บางคนหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองหลงใหลกว่าครึ่งชีวิต เพียงเพื่อต้องการแสวงหาคำตอบจากมัน บางคนล้มเหลวล้มเลิก เพียงเพราะมุทะลุเกินไป ความพอดีพองาม น่าจะเป็นคำตอบให้นักฝันต่าง ๆ ได้โบยบินผ่านท่ามกลางพายุ และกำแพงแห่งเวลา

ความสวยงามของชีวิต อาจจะเป็นที่ร่องรอยขีดข่วนของความพยายาม ที่มันฝังรากหยั่งลึก เป็นริ้ว ๆ ดังประจักษ์พยาน ว่าเราได้ผ่านพบสัมผัสอะไรมาบ้าง เขาถึงว่าวันที่ฟ้าสวยที่สุด อาจไม่ใช่วันที่ฟ้าไร้เมฆ แต่ทว่าวันที่ฟ้าสวยที่สุด อาจจะเป็นวันที่เราสามารถจินตนาการได้ว่าก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นเป็นรูปอะไร

ถ้าความคิดของเราเดินทางไปในทางที่สุข ต่อให้เราอยู่ท่ามกลางฝูงก้อนเมฆที่อึมครึมมากเพียงใด เราก็สามารถที่จะมีดวงตาแห่งความสุขได้ ด้วยว่าเข้าอกเข้าใจในสิ่งนั้น ๆ เป็นพื้นฐาน อย่างว่าเราเข้าใจในบุคลิกของคนครอบครัวเรา เข้าใจในตัวตนของเพื่อนเรา เข้าใจในตัวตนของเรา เข้าใจในพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงของเรา เริ่มจากสิ่งรอบตัวของเราก่อน ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับขยายความเข้าใจออกไปสู่มุมที่กว้างมากขึ้น เมื่อเราเริ่มที่จะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรมากขึ้นบ้าง ความเข้าใจนั่นละจะย้อนกลับมาทะนุถนอมหัวใจของเรา สายตาของเราจะอ่อนโยนต่อสิ่งที่ถูกขัดหูขัดตามากขึ้น ตัวรู้ที่ว่า จะค่อย ๆ บอกอะไรต่อมิอะไรแก่เรา วันนั้นเราจะค้นพบว่า เราสามารถอยู่ท่ามกลางความไม่ได้ดังใจ ได้อย่างสบายอกสบายมากขึ้น รู้จักค่อย ๆ ผ่อนเชือกที่ตึง ของว่าวแห่งชีวิตที่ล้ออยู่ท่ามกลางกระแสลม ยังมาสู่ความเสี่ยงที่จะตกลงสู่พื้นดินเองก็น้อยลง แต่ถ้าหากเราเร่งปล่อยเชือกที่มือไวเกินไป ว่าวแห่งชีวิตก็มีโอกาสที่จะตกท้องช้าง จวบจนกระทั่งตกลงสู่พื้นดินไปในที่สุด

คงไม่เคยมีใครไม่เคยหกล้ม มีแต่บางคนที่ลืมว่าตัวเอง เคยหกล้มมาแล้วกี่ครั้ง บางเรื่องที่เจ็บปวดเราก็เผลอหลงลืมกัน บางคนไม่ใส่ใจ บางคนเองก็ทิ้งขว้างไปเสีย อย่างไร้ค่า เพราะไม่ให้ราคากับความผิดพลาด ก็สุดแท้แต่ว่าเราจะให้ความสำคัญกับสิ่งนั้น ๆ กันมากน้อยเพียงใด หากให้ค่ากับทุกสิ่งมาก ทุกสิ่งที่ให้ค่าก็สำคัญไปหมด เรียกว่าในชีวิตมีแต่เรื่องที่สำคัญ ส่วนเรื่องที่ไม่น่าจะสำคัญ ก็ดันเผลอใจไปยกให้เป็นของที่มีค่าขึ้นมา เขาถึงว่า บางสิ่งควรค่า บางสิ่งไม่ควรให้ค่า

บางคนถูกว่าอย่างนั้นก็น้อยอกน้อยใจ เพราะคิดว่าเรื่องทุกเรื่องของเรา สำคัญในคนอื่น ๆ ด้วย นั่นก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเราให้ค่าตัวเอง จนความเป็นตัวเองมันล้นหลามออกมา ทะลักทะลวงความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่น พอถูกปฏิเสธความเชื่อ ความเชื่อของตัวเองก็ใส่เขี้ยวต่อต้าน ขยับเขยื้อนริมฝีปากความคิดทันที เขาถึงว่า ความเชื่อเป็นเรื่องที่ไม่ควรไปจับต้อง เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเฉพาะตัว บางคนเป็นแบบนั้นจริง ๆ ชอบไปแตะต้องความเชื่อมั่นของผู้อื่น ถามว่าผิดไหม มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าแตะเพราะว่าตนมีวัตถุประสงค์อื่นแฝง อันนี้ก็ตามวาระ ต่างเหตุผลเหตุการณ์กันไป

เลือกนี้ไม่ขอแสดงออกดีกว่า เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเชื่อความเห็นที่ค่อนข้างจะอิสระอยู่แล้วเป็นพื้น คิดอย่างไรได้อย่างนั้นไหม เป็นคำถามหรือคำเชิญชวนในเริ่มคิดดี อันนี้คงต้องเป็นเรื่องที่ค่อนไปในทางเฉพาะตัว พุทธศาสนากล่าวเอาไว้ว่า ผู้คิดดี ย่อมได้ดี คนที่จะเชื่อว่าถ้อยคำนี้จริง น่าจะเป็นผู้ที่เคยสัมผัสโดยตรงเข้ากับชุดความคิดเช่นนี้มาบ้าง หรืออาจจะเป็นเสมือนดังการให้กำลังใจตัวเองก็เป็นได้ ฉะนั้นตรงกันข้ามคือ เมื่อคิดร้าย ประสงค์ร้ายสิ่งที่ได้อาจจะเป็นเช่นร้ายนั่นหรือ ผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ น่าจะเป็นผู้ที่มักไปในทางร้ายเป็นบทเริ่มปฐมนิเทศชีวิตอยู่บ่อย ๆ

คนที่ปล่อยวางไปเสียหมด ก็มีหัวใจไม่ต่างอะไรกับคนที่ยึดมั่นถือมั่นไปเสียทุกเรื่อง คือเจ็บปวดเป็นเหมือนกัน แต่กลับมีความสามารถที่จะให้อภัยโทษต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ไวกว่า วางเร็วก็จบเร็ว มีโอกาสได้เริ่มต้นก่อน


ยึดมั่นถือมั่น อุปมาอุปไมยเหมือนดังคนที่ขาเป็นตะคริว คือกายมันไม่ยอมขยับ ทั้งที่ใจมันทุรนทุรายจะเขยื้อนหนี เหมือนผีอำนั่นเล่า จิตมันอยากจะทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง แต่กายเหมือนโดนกดทับเอาไว้ บางคนเป็นแบบนั้น ความเชื่อมันถูกกดทับนานเกินไป ความจริงจึงลอดผ่านช่องใจเข้าไปไม่ได้ บางเรื่องก็ยากอธิบาย บางเรื่องไม่ต้องอธิบายให้เป็นสากล คนเขาก็เข้าใจกันได้ อย่างปลูกต้นไม้เพื่ออะไร หรือต้องทำดีเพื่ออะไร รวมถึงว่าเราช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากเพื่ออะไร ซึ่งคำตอบเองมันก็มีพร้อมอยู่แล้ว ทั้งนามธรรมและรูปธรรม

รอยยับที่มีความหมาย แม้จะเลวร้าย แต่ก็ร้ายเพื่อรับรู้ถึงสิ่งอันส่องสะท้อนกลับมาสู่เราในอนาคต เหมือนดังคลื่นมรสุมกลางทะเล ไม่เคยแน่นิ่งเลยฉันใด สิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ ต่างก็ดำรงตนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยบทเรียนฉันนั้น ตราบใดที่มีบทเรียนให้ได้สัมผัสเรียนรู้ และตนพร้อมที่จะเปิดตาใจ ทั้งภายนอกภายใน ทุกอย่างล้วนแล้วมีคุณต่อการดำรงชีวิตอยู่ จะสีดำในภาพเขียนก็ดี หรือแม้แต่สีเทาในภาพวาดชีวิตก็ดี ล้วนแล้วแต่ช่วยคัดให้ภาพแลดูมีมิติและสว่างไสวคมคาย

ร่องรอยจึงสำคัญมาก มากพอ ๆ กับแผลเก่าที่ยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีหรือร้าย หากเราเริ่มต้นเปิดใจมันได้เมื่อไร เมื่อนั้นริ้วรอยก็คงมีความหมายแฝงที่มีคุณค่าขึ้นมาไม่มากก็น้อย