ใครบางคนหายไปในฤดูฝน - Decode
Reading Time: < 1 minute

ผู้แพ้ในเพลงชื่อยาว

[ดวงดาวเดียวดาย] ประพันธ์ สุนทรฐิติ

ใครบางคนหายไปในฤดูฝน แล้วไม่ได้ตามกันมาในฤดูหนาว เหมือนมีเสียงครวญหาจากอดีต แว่วผ่านตามกระแสสายลมหนาวมา ปีนี้เหมือนว่าฝนจะมากกว่าปีที่แล้ว เพราะย่างเข้าพฤศจิกายน ฝนก็ยังคงตกโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน ซ้ำยังคงมีพายุคลุกฟ้าคลุกเมฆฝนอยู่ตลอดเวลา 

เคยรู้สึกกันบ้างไหมว่า อากาศเองก็มีส่วนสำคัญต่อความรู้สึก ยิ่งวันไหนที่ฝนพรำ ๆ มาตั้งแต่เช้า เหมือนว่าวันนั้นทั้งวัน ชวนใจให้ใคร่รับรสไปในทางเนินนาบราบเรียบ แหมะ ๆ ฟังเสียงฝน ให้ได้รื่นรมย์สมสมัยไปกับใบไม้ใบหญ้า ถ้าจะว่าฝนตกดีไหม บางคนคงส่ายหัวให้ บอกปัดใจไปเลยว่า ไม่ชอบใจเอาเสียเลย ยิ่งช่วงเวลาไหนที่ต้องเร่งรีบไปทำกิจกรรมอะไรต่าง ๆ นา ๆ ในชีวิต แล้วฝนเกิดตกมาแบบจวนตัว เรียกว่าไม่ทันได้ตั้งรับ ช่วงวินาทีนั้นเอง เหมือนดังว่าอะไร ๆ ก็แลจะไม่เข้าข้างไปเสียหมด ชวนหัวให้ก่นบ่นอารมณ์ เหวี่ยงซ้ายแลขวา เหมือนตัวเองเป็นช้างน้อยเจ้าอารมณ์ก็ไม่วาย 

“ ก่อนที่ฝนจะมา บนท้องฟ้ามักจะเปลี่ยนสี “

ไม่รู้ว่าเคยมีใครสังเกตกันบ้างหรือเปล่า เมื่อยามที่ก้อนเมฆค่อย ๆ เคลื่อนคล้อย อ้อยอิ่งมารวมตัวกัน เมฆจะค่อย ๆ กรองแสงของดวงตะวันให้อ่อนลง จากแดดเปรี้ยง กลายมาเป็นแดงจาง จวนจนแทบจะไม่เหลือแสงให้เราได้สัมผัส ช่วงเวลานั้น มักจะเป็นช่วงเวลาที่เรา ๆ มักจะเผลอใจ ปล่อยความคิด เดินทอดน่อง สลัดความความรู้สึกสบาย ๆ บางครั้งถึงกับหลงกล หลงสูดกลิ่นความหอมชื้น ๆ ในอากาศเข้าไปให้ใจต้องมนต์ เรามักจะเรียกช่วงเวลานั้นว่า ช่วงเวลาไม่เฉลียวใจ เพราะไม่ทันใด ปุบปับฝนก็พรำลงมา ไม่ทันได้กางร่ม หรือแม้แต่ที่จะวิ่งหลบฝน ซึ่งเราทุกคน ล้วนแล้วแต่ต่างมีช่วงเวลาที่ตัวเองเผลอใจ หรือแม้แต่เผลอตัวเช่นนั้น คล้าย ๆ  กัน หรืออาจจะไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่

“ ดุ่มเดินเดียวดายในเดือนใหม่ ใต้เสื้อกันฝนตัวเดิม “

มีใครยังคงสวมเสื้อกันฝนตัวเดิม ของเมื่อปีที่แล้วอยู่ไหม เสื้อกันฝนตัวที่มีกลิ่นอับ ๆ ยับ ๆ ไม่สวย และแลดูเหมือนว่าจะรุ่มร่าม ทรวดทรงความทันสมัยเอง ก็แทบจะสู้เจ้าเสื้อกันหนาวไม่ได้เอาเสียเลย

ต่างจากร่ม ที่มีหน้าตาแปลกประหลาด สวยงามหลากหลาย ไปตามแต่จินตนาการ และสีสันของนักออกแบบ ผนวกกับอีกเรื่องที่สำคัญ คือร่มเองสามารถที่จะใช้งาน ได้แม้กระทั่งฤดูร้อน ซึ่งต่างจากเสื้อกันฝน ที่หาใครใช้กันเพื่อสวมกันแดด 

บางอย่างเพียงแค่มีคุณสมบัติการใช้งานที่ใกล้เคียง แต่ก็หาได้ว่าจะครอบคลุมไปเสียหมดทุกอย่าง มองให้ลึกลงไป ก็ทำให้หวนกลับมาคิดถึงตัวเอง จะว่าไปด้วยเรื่องของคุณสมบัติเฉพาะ หรือไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่อง ของคุณสมบัติที่ไม่พิเศษ ( เลย ) ยิ่งพาชวนหัว จนแทบจะอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ 

บ่ายวันนั้น ระหว่างทางที่รถตู้กำลังวิ่งเลียบอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง บังเอิญว่ามีข้อความน้อย ส่งเข้ามาในกล่องข้อความไอจี ว่าด้วยเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ และการค้นหาคุณของค่าในตัวเองไม่เจอ จวบจนกระทั่งอะไรต่อมิอะไรมากมาย ยาวเป็นเถือกจากน้องคนนึง

“ เขาอยากให้หนูเป็นในสิ่งที่หนูไม่ต้องการเป็น “

นี่คือประโยคทิ้งท้าย จากหลายสิบตัวอักษร ที่เราเพียรพยายามตั้งใจอ่านมาตั้งแต่บรรทัดแรก สารภาพเลยว่า รู้สึกจุกอยู่ที่ลิ้นปี่อย่างบอกไม่ถูก ใครที่เคยตกอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ คงเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ได้ดี 

“ หนูว่าทุกคนคาดหวังในตัวหนูมากเกินไป “ 

บางครั้งเราก็รู้สึกเหมือนว่า ตัวเองมีชีวิตอยู่บนความคาดหวังของคนอื่น ซึ่งเราไม่คิดปฏิเสธเลยว่า สิ่งนี้มันไม่จริง เพราะทั้งหมดทั้งมวล  ถ้าหากจะจิ้มให้ลึกลงไป ยังจุดหมายปลายทางของความคาดหวังจริง ๆ เราว่าทุกคน ล้วนแล้วแต่มีอารมณ์ที่เฉพาะส่วนตัวกันมาก ๆ จะว่ามีความเห็นแก่ตัวแฝงอยู่ไหม คงปฏิเสธไม่ได้เป็นครั้งที่สอง แต่จะว่าบางครั้งบางที ความหวังดีจริง ๆ ก็มักจะมาในรูปแบบของเสื้อที่รูปลักษณ์ที่แปลก ๆ

เขียนมาถึงตรงนี้ ทำไมเราถึงมีความรู้สึกจี๊ด ๆ ที่หัวใจกันนะ แต่จะว่าไปแล้ว คนที่เขาหวังดีเอง เขาก็มีองศาการมองไปในอีกทิศทางที่เขาปรารถนา คนที่ใช้ชีวิตจริง เขาเองก็มีพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไปในอีกทิศทางหนึ่งที่เขาเลือก จุดตรงกลางจริง ๆ มันจึงเหลื่อมล้ำเส้นของความขัดใจและถูกใจอยู่เสมอ

ซึ่งบางที การโต้แย้งหาความถูกต้อง จึงมักจะมาในรูปแบบของการอาบน้ำร้อนมาก่อนเสมอ อันนี้ขอพูดฐานะของผู้ที่มีประสบการณ์ตรง จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากไปเสียหน่อย ที่จะหาตรงกลางจากผู้ที่คิดต่าง (แต่หวังดี)  ข้อสรุปบางครั้งจึงปลิวหายไปในอากาศ กลายเป็นบทสนทนาที่ถูกห้ามพูดขึ้นในวงสนทนา แต่กระไรนั้นก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง หากการรับฟังกันจริง ๆ ถูกเหตุผลบางประการ อุดรูไม่ให้การไหลเวียนของความรู้สึกได้ถ่ายเท ความเป็นตัวของตัวเอง ถูกเซฟตี้เบลความเชื่อของคนอื่น ลัดวงจรเข้ามาในระบบความรู้สึก คล้ายค่อยกัดกินความเชื่อมั่นในตัวเองจนบิดเบี้ยว 

“ หนูอยากเรียน ในสิ่งที่หนูโตขึ้นมาแล้วอยากเป็น 

หนูไม่ได้อยากเรียน ในสิ่งที่หนูต้องเรียนแล้วจะมีตังค์ 

มันก็แค่ความเชื่อ ที่ยัดใส่มือให้หนู “ 

บางครั้ง เราก็ส่งระเบิดเวลาให้กันโดยที่ไม่รู้ตัว ระเบิดที่มาในรูปแบบของพู่ไฟ การเฉลิมฉลองซึ่งความเชื่อมั่นบางอย่าง แต่ตรงกันข้าม ความสุขภายใต้ความได้ดังใจต่าง ๆ กลับกลายเป็นพู่ไฟ ที่มัดติดอยู่ที่มือของคนที่เราหวังดี สวยงาม เวลาที่คนไกล ๆ แลเห็นแสงของมัน แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต จากคนที่อยู่ใกล้แสงของมัน

เราล่ะ ชอบถือร่ม หรือสวมเสื้อกันฝนในยามที่ฝนตก บางครั้งความรุ่มร่ามรุงรังเพ้อฝัน ก็มาพร้อมกันกับการสร้างสรรค์โลกใบในอีกมิติ ความสุขุมคัมภีรภาพ บางทีก็แฝงไปด้วยขนบธรรมเนียมที่ยากต่อการขยับเขยื้อน คงเหมือนเฉกเช่นฝูงนกนั่นล่ะ กว่าที่มันจะบินมาถึงยังลุ่มแม่เจ้าพระยาได้ ย่อมที่จะต้องผ่านอุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ เรียกว่าทุกช่วงชีวิตนั่นล่ะ เป็นบทเรียนที่มีค่า พายุเองก็จะทำหน้าที่ ขัดเกลาปีกที่อ่อนแอออกไปจากตัวนก นกเองก็จะเหลือเพียงปีกที่แข็งแรง และพลังใจที่แน่วแน่ พร้อมพาตัวเอง ก้าวข้ามผ่านพ้นฤดูหนาวที่กำลังค่อยคืบคลานเข้ามา ด้วยประสบการณ์ตรง จากผลของดินน้ำลมไฟในจิตวิญญาณของชีวิต เราสามารถเติบโตจากความล้มเหลวได้ ลุกขึ้นยืนด้วยฐานที่มั่นคงได้อีกครั้ง หลังจากที่ล้มลงเพราะความไร้เดียงสา ถ้าความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริง การใฝ่รู้เอง ก็จะไม่มีวันเหือดหายไปจากผู้ที่ใฝ่แสวงหาความรู้

“ จงบินไปเถอะปีกแห่งความอ่อนแอ และความไร้เดียงสา

เราเชื่อมั่นว่า เธอพร้อมที่จะทำความรู้จัก

กับพายุลูกที่จะโหมกระหน่ำเข้าด้วยความกล้าหาญ “