The Passenger
โรสนี นูรฟารีดา
1
คลื่นลูกนั้นกระซิบบอกฉันว่า…
ทะเลไม่ได้กลืนกินอะไรไป
มีแต่คนหิวกระหายที่เขมือบกินทุกอย่าง
ชายหาด ป่าสน ถนน ปลากะตัก
ปะการัง โลมา พะยูน หญ้าทะเล
รวมทั้งชีวิตคนตัวเล็กตัวน้อยในหมู่บ้านริมหาด
ความศิวิไลซ์ปล้นคนมานักต่อนัก
เอกสารสิทธิ์ฉบับแล้วฉบับเล่าผลักไสไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้าน
เช่นเดียวกับก้อนบิ๊กแบ็ค
โครงการแล้วโครงการเล่าไล่เม็ดทรายออกจากชายหาด
แปลกปลอมต่อกัน
เพื่อจะเป็นอื่นในความสัมพันธ์เสมอ
2
เมื่อสิบปีที่แล้วในฤดูมรสุม
คลื่นใหญ่ลูกหนึ่งสาดซัดเข้าสู่เมือง
สำลักความเค็มกันถ้วนทั่ว
เมืองจึงตื่น
คนจึงได้ลืมตา
สำรวจพื้นที่สาธารณะว่าใครกันชุบมือเปิบเป็นเจ้าของ
ลักลอบกวาดเก็บเม็ดทรายไปแปรเปลี่ยนเป็นเงิน
3
หอยทับทิมตัวหนึ่งเอ่ยถามเม็ดทรายว่า…
ระยะทางจากป่าต้นน้ำที่จากมาสู่สะดือทะเล
ห่างไกลหรือใกล้กว่า
เมื่อเทียบกับระยะห่างจากท้องทะเลสู่หัวใจของมนุษย์
เม็ดทรายนิ่งนึก
ก่อนจะมาถึงที่นี่ เราอยู่ที่อื่น
ก่อนจะเล็กละเอียดเป็นผงก็เคยแข็งแกร่งยิ่งใหญ่
ทรายเป็นทรายได้เพราะการเดินทาง
แสงแดดส่องกระทบ
ความร้อนแผดเผา
สายน้ำกัดกร่อนพัดพา
สายลมเห่เคลื่อนนำทาง
เคลื่อนไหวในความเงียบแผ่วเบาเหมือนนักพรต
ร้อยปี พันปี
จึงลดรูปเล็กลง
ทอดร่างโอบรับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง
4
ถอดรองเท้าย่ำทรายริมชายหาด
คลื่นลูกใหม่กระซิบบอกฉันด้วยประโยคเดิม
ราวนิทานที่เล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ทะเลไม่ได้กลืนกินอะไรไป
มหาสมุทรไม่ใช่ผู้ร้าย
และระลอกคลื่นต่างหากที่เฉลยความจริงทั้งหลายให้ปรากฏกองก่ายกันอยู่ตรงหน้า
ซากปลาเน่าเปื่อยลอยมาพร้อมกลิ่นตุๆ
ขยะทะเลเกยตื้นริมหาด
รองเท้าแตะที่ไม่ครบคู่ ขวดน้ำอัดลม ถุงขนมพลาสติก
เสาเข็ม เขื่อนหิน กล่องโฟม
ก้นบุหรี่ กระป๋องเบียร์ เศษท่อพีวีซี
และซากอวนเก่า ๆ ที่ตอนนี้ไม่มีอำนาจจะพันธนาการใคร
5
เพ่งมองเส้นขอบฟ้า
ความจริงอาจลวงตาเมื่อมันอยู่ไกล
สิ่งที่ถูกนับอาจไม่เคยมีอยู่จริง
และบางความจริงอาจไม่เคยถูกนับว่ามี
6
หินยักษ์ก้อนแล้วก้อนเล่าปักหลักเป็นกำแพง
ผืนทรายถูกแทนที่ด้วยแท่งซีเมนต์และคอนกรีต
พยายามควบคุมสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม
ป้ายสีให้เกลียวคลื่นและฤดูกาลเป็นอาชญากร
7
แปลกปลอมแต่คุ้นเคย
เป็นอื่นแต่ใกล้ชิด
ผิดที่ผิดทางในมิติความสัมพันธ์
กระอักกระอ่วนไม่มั่นคง
ประนีประนอมแต่รุกล้ำรุกราน
ทำร้ายกัน
ในนามความรักและความปรารถนาดี
8
เราต่างเป็นระลอกคลื่น
โถมปะทะ
ประจันหน้ากับสิ่งแปลกปลอม
โยนตัวเองก้าวข้ามอุปสรรคที่ไม่ถูกนับว่ามี
9
สบตากับเส้นขอบฟ้า
คลื่นลูกสุดท้ายยังมาไม่ถึง
ละอองคลื่นกระเซ็นสาดเป็นฝอย
ฟุ้งเบลอเหมือนม่านน้ำตา
10
เหยียบยืนบนเขื่อนหิน
สูงใหญ่
หากแต่สั่นไหว
หวาดหวั่น
เห็นตัวเองซ้อนทับกับตัวละครจากเกมฮิวโก้ในวัยเด็ก
กระโดดจากหินยักษ์ก้อนหนึ่ง
ไปสู่หินยักษ์อีกก้อน
ราวกับถูกบังคับทิศทางให้เคลื่อนไป
จากหินก้อนที่หนึ่งสู่หินก้อนที่สิบ
จากกำแพงกันคลื่นรุ่นแรกสู่กำแพงกันคลื่นรุ่นใหม่ล่าสุด
กระโดดกันพันครั้งครั้ง หมื่นครั้ง
แต่เกมไม่เคยจบ
เพราะมือที่มองไม่เห็นขยายยืดต่อเวลาออกไปเรื่อยๆ
เก้าปี… สิบปี…
เราต่างกระโดดย่ำเหยียบอยู่ตรงที่เดิม
ในเกมที่มีทะเลและชายหาดเป็นเดิมพัน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระดานนี้หรือกระดานต่อ ๆ ไป
ใครกันเป็นเจ้าของเกม