ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
เรื่องสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศเมื่อไม่กี่วันมานี้คือกรณีเด็กชายเล็ก ๆ วัยแปดขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทารุณจนเสียชีวิต แต่ที่น่าสะเทือนใจกว่าอะไรทั้งหมดคือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็ก ๆ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตโดยคนในครอบครัว
มันไม่ใช่เรื่องของพ่อแม่คนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องของพ่อแม่จริงแท้หรือไม่แท้ ไม่ใช่เรื่องของคนบางคนที่ชั่วร้าย หรือไม่อาจหักห้ามอารมณ์ ไม่ใช่เรื่องลุแก่โทสะพลั้งมือ แต่มันคือเรื่องของคนที่เชื่อว่าเขาสามารถจะทำอะไรกับเด็กก็ได้
มันคือเรื่องของสังคมอำนาจนิยม สังคมที่เชิดชูคนมีอำนาจ ให้สิทธิและปกป้องคนใช้อำนาจ
เราติดปากกับวลีที่ว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี โดยมองข้ามความจริงว่าวลีที่ว่าคือการเอาลูกมนุษย์ไปเทียบค่าเท่ากับสัตว์ เราไม่มีความเคารพให้กับความเป็นมนุษย์ของคนอายุน้อย ๆ ไม่แต่แค่นั้นเรายังเชื่อว่าผู้ใหญ่ครอบครองเป็นเจ้าชีวิตของเด็ก ๆ เสมือนสัตว์เลี้ยง เสมือนสัตว์ปศุสัตว์ที่จะส่งไปโรงเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ พ่อแม่สามารถใช้สอยชีวิตของลูก ๆ เพื่อประโยชน์ เพื่อความพอใจ มิหนำซ้ำยังแอบอ้างความรักความหวังดีสำทับความแนวคิดโลกเก่าที่แสนป่าเถื่อนนี้อีก
ไม่รวมไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ซึ่งแปลง่าย ๆ ว่ามนุษย์เด็กต้องถูกจัดการตามความพอใจของผู้ใหญ่ไม่สามารถเติบโตเป็นไปตามธรรมชาติ
การมองเรื่องนี้แยกขาดจากอำนาจนิยมที่แฝงเร้นอยู่ในทุกองคาพยพของสังคมทำให้เด็ก ๆ กลายเป็นเหยื่อสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะทางอารมณ์ ถ้าเด็กไม่โดนพ่อเลี้ยงทำร้ายก็แม่เลี้ยง ไม่บุพการีเทียมก็บุพการีแท้ ไม่ถูกทำร้ายข่มเหงที่บ้านก็ที่โรงเรียน มหาวิทยาลัยในทุกรูปแบบทั้งทุบตี ทำโทษให้ได้เจ็บได้อายไปจนข่มขืนชำเรา และถ้าเด็กที่ควรได้รับการปกป้องกลับถูกผู้ใหญ่รังแก ก็แน่นอนว่าเพื่อน ๆ วัยเดียวกันที่เหลือจะรุมรังแกเขาซ้ำเอาอีกเป็นทอด ๆ ไป
ยอมรับเถิดว่าสังคมของเราที่อนุญาตให้ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทุบตี เสียดสี ด่าทอ ริบข้าวของ ประณามให้อับอายต่อหน้าคนจำนวนมาก ยอมรับเถิดว่าเราทำให้เด็ก ๆ ของเราอ่อนแอและจำนน เกรงกลัวอำนาจ จำยอมคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงกว่า หรือดูเป็นคนดีกว่าอย่างครูหรือพระหรือข้าราชการคนในเครื่องแบบ ซึ่งไม่ได้หมายความจะเป็นคนฉลาดมีความรู้จริง ๆ เป็นคนดีจริง ๆ
และเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ เขาก็ยังคงจำนนและยอมรับผู้คนเหมือนตอนเด็ก ๆ เมื่อเข้าทำงานในองค์กรหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งราชการและเอกชนต่าง ๆ เราก็อนุญาตให้คนมีอำนาจกว่า วัยวุฒิ คุณวุฒิ ตำแหน่ง กระทั่งอายุงานสูงกว่ารังแกผู้ด้อยกว่าในรูปแบบอื่น ๆ ทุกรูปแบบ กลั่นแกล้ง ตัดแข้งตัดขา โยกย้ายไม่เป็นธรรม เล่นพรรคเล่นพวกสารพัด
เราไม่ยอมตระหนักว่าการกดเหยียดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะคนรวยหรือแค่ดูรวย แต่งตัวดี มีรถบ้านแพง ๆ แซงคิว หรือพูดจาไม่ดี หรือปฏิบัติต่อคนที่ดูด้อยกว่าอย่างน่าละอายนั้น เริ่มจากการที่เราสอนเด็กของเราให้อ่อนแอต่ออำนาจตั้งแต่ต้น
เรามองสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แยกจากกัน และไม่เห็นโยงใยซับซ้อนของอำนาจนิยมที่กัดกร่อนสังคมของเราทุกหย่อมหญ้าและมิติ
เรามองไม่เห็นว่ามันเป็นอำนาจนิยมในบ้านที่สร้างความเหลื่อมล้ำและยากจน เพราะมันลดทอนสิทธิ์ สิทธิ์ของการมีชีวิตที่ดี หรือกระทั่งสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ของเด็กชายแปดขวบที่ควรได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เรามองไม่ออกว่าอำนาจนิยมในสังคมริดรอนทุกคน เป็นต้นตอของความไม่เท่าเทียมของผู้หญิง เด็ก คนข้ามเพศ LGBT เป็นต้นตอของความไม่อาจเติบโตในหน้าที่การงาน ของการได้รับการศึกษาดี ๆ ของการได้รับสิทธิ์พึงมีของคนชายขอบไม่ว่าจะเป็นพลเมืองกลุ่มน้อย หรือคนไร้บ้าน
สิทธิของการเป็นประชากร สิทธิของการเป็นมนุษย์
เรามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากลไกร้ายกาจที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำและยากจนดำรงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ในประเทศนี้คือทัศนคติอำนาจนิยม และมันไม่ได้ดำรงอยู่ได้ด้วยความบังเอิญ …โดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่ หากแต่เกิดจากการส่งเสริมบ่มเพาะร่วมกันของคนทั้งชาติ จากแม่และคนข้างบ้านที่ไม่แจ้งตำรวจมาจับพ่อเลี้ยงที่ซ้อมลูกแปดขวบคนนั้นบ่อย ๆ และปล่อยให้เด็กถูกทารุณจนตาย จากประชากรที่ไม่เรียกร้องให้คนสั่งกระทำการเหี้ยมโหดในเหตุการณ์ 14 และ 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ พฤษภาปี 2553 มาลงโทษ ผู้ปกครองที่ไม่เรียกร้องให้ครูที่ข่มขืนเด็กอื่นที่ไม่ใช่ลูกตัวเองถูกจับติดคุก เพื่อนฝูงครอบครัวของข้าราชการที่โดนกลั่นแกลังแล้วไม่เคยปริปาก
เรายอมรับอำนาจนิยมและไม่เห็นกลไกอำนาจนิยมในชีวิตประจำวันของเราแม้แต่น้อย เราชื่นชมคนมีอำนาจ กระทั่งแสวงหาผลประโยชน์เลื่อนลอยไร้ค่าจากฟูมฟักอำนาจ ฝันหวานว่าวันหนึ่งจะมีอำนาจแบบใดแบบหนึ่งกับเค้าบ้าง และเมื่อไม่ได้ เราก็หันมาสร้างอำนาจเหนือลูกหลานของเราเอง โดยไม่สำเหนียกว่าตัวเราเองก็เป็นเหยื่อของอำนาจ
ยิ่งกว่านั้นเรายังมองไม่เห็นอำนาจนิยมในใบหน้าอื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แบรนด์เนมที่ช่วยให้เราดูดี ซึ่งในความเป็นจริงคือการช่วยให้เราเชื่อว่าเราเหนือกว่าเช่นเดียวกับเครื่องแบบ เราจ่ายกับข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อถูกเห็นในห้างสะอาดสวยงามแทนตลาดสดสกปรก เราส่งลูกเข้าโรงเรียนแพง ๆ เพื่อให้ลูกมีการศึกษาที่ดีแทนที่จะเรียกร้องให้มีการศึกษาที่ดีในทุกโรงเรียน เราก่นด่าพ่อเลี้ยงใจร้าย ทำให้การทำร้ายเด็ก ๆ เป็นเรื่องของตัวบุคคล โดยมองข้ามทัศนคติน่าสะอิดสะเอียนในการเลี้ยงดูลูกมนุษย์ เพียงเพราะเราเองก็พึงพอใจที่จะมีอำนาจเหนือกว่าและสามารถควบคุมพวกเขา เราเรียกร้องให้เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในนามของความดี เพราะมันง่ายกว่าที่จะดูแลคนหัวอ่อน สั่งซ้ายไปซ้าย ขวาไปขวา โดยมองไม่เห็นว่าประชากรว่านอนสอนง่ายเป็นอันตรายต่อประเทศชาติมากเพียงไหน
เราถึงขนาดมองตัวเองว่าเป็นคนดีด้วยซ้ำหากสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นคนว่าง่ายยอมตาม ทั้ง ๆ ที่คนง่าย ๆ อะไรก็ได้ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดี และคนที่ยาก ๆ คิดมาก ๆ ตั้งคำถาม ดื้อ ไม่ยอมตามก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร
เห็นหรือยังว่าตรรกะต่าง ๆ ที่ผิดเพี้ยนไปในสังคมของเรามันเริ่มจากที่ไหน