รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

เรื่องสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศเมื่อไม่กี่วันมานี้คือกรณีเด็กชายเล็ก ๆ วัยแปดขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทารุณจนเสียชีวิต  แต่ที่น่าสะเทือนใจกว่าอะไรทั้งหมดคือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็ก ๆ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตโดยคนในครอบครัว    

มันไม่ใช่เรื่องของพ่อแม่คนใดคนหนึ่ง  ไม่ใช่เรื่องของพ่อแม่จริงแท้หรือไม่แท้  ไม่ใช่เรื่องของคนบางคนที่ชั่วร้าย  หรือไม่อาจหักห้ามอารมณ์  ไม่ใช่เรื่องลุแก่โทสะพลั้งมือ แต่มันคือเรื่องของคนที่เชื่อว่าเขาสามารถจะทำอะไรกับเด็กก็ได้

มันคือเรื่องของสังคมอำนาจนิยม  สังคมที่เชิดชูคนมีอำนาจ  ให้สิทธิและปกป้องคนใช้อำนาจ 

เราติดปากกับวลีที่ว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี  โดยมองข้ามความจริงว่าวลีที่ว่าคือการเอาลูกมนุษย์ไปเทียบค่าเท่ากับสัตว์  เราไม่มีความเคารพให้กับความเป็นมนุษย์ของคนอายุน้อย ๆ ไม่แต่แค่นั้นเรายังเชื่อว่าผู้ใหญ่ครอบครองเป็นเจ้าชีวิตของเด็ก ๆ เสมือนสัตว์เลี้ยง  เสมือนสัตว์ปศุสัตว์ที่จะส่งไปโรงเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ พ่อแม่สามารถใช้สอยชีวิตของลูก ๆ เพื่อประโยชน์  เพื่อความพอใจ  มิหนำซ้ำยังแอบอ้างความรักความหวังดีสำทับความแนวคิดโลกเก่าที่แสนป่าเถื่อนนี้อีก

ไม่รวมไม้อ่อนดัดง่าย  ไม้แก่ดัดยาก  ซึ่งแปลง่าย ๆ ว่ามนุษย์เด็กต้องถูกจัดการตามความพอใจของผู้ใหญ่ไม่สามารถเติบโตเป็นไปตามธรรมชาติ

การมองเรื่องนี้แยกขาดจากอำนาจนิยมที่แฝงเร้นอยู่ในทุกองคาพยพของสังคมทำให้เด็ก ๆ กลายเป็นเหยื่อสมบูรณ์แบบ  โดยเฉพาะทางอารมณ์  ถ้าเด็กไม่โดนพ่อเลี้ยงทำร้ายก็แม่เลี้ยง ไม่บุพการีเทียมก็บุพการีแท้ ไม่ถูกทำร้ายข่มเหงที่บ้านก็ที่โรงเรียน  มหาวิทยาลัยในทุกรูปแบบทั้งทุบตี  ทำโทษให้ได้เจ็บได้อายไปจนข่มขืนชำเรา และถ้าเด็กที่ควรได้รับการปกป้องกลับถูกผู้ใหญ่รังแก  ก็แน่นอนว่าเพื่อน ๆ วัยเดียวกันที่เหลือจะรุมรังแกเขาซ้ำเอาอีกเป็นทอด ๆ ไป         

ยอมรับเถิดว่าสังคมของเราที่อนุญาตให้ผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก  ทุบตี  เสียดสี  ด่าทอ  ริบข้าวของ  ประณามให้อับอายต่อหน้าคนจำนวนมาก  ยอมรับเถิดว่าเราทำให้เด็ก ๆ ของเราอ่อนแอและจำนน เกรงกลัวอำนาจ จำยอมคนที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงกว่า  หรือดูเป็นคนดีกว่าอย่างครูหรือพระหรือข้าราชการคนในเครื่องแบบ  ซึ่งไม่ได้หมายความจะเป็นคนฉลาดมีความรู้จริง ๆ  เป็นคนดีจริง ๆ  

และเมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่  เขาก็ยังคงจำนนและยอมรับผู้คนเหมือนตอนเด็ก ๆ  เมื่อเข้าทำงานในองค์กรหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งราชการและเอกชนต่าง ๆ  เราก็อนุญาตให้คนมีอำนาจกว่า  วัยวุฒิ  คุณวุฒิ  ตำแหน่ง กระทั่งอายุงานสูงกว่ารังแกผู้ด้อยกว่าในรูปแบบอื่น ๆ ทุกรูปแบบ  กลั่นแกล้ง  ตัดแข้งตัดขา โยกย้ายไม่เป็นธรรม เล่นพรรคเล่นพวกสารพัด 

เราไม่ยอมตระหนักว่าการกดเหยียดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะคนรวยหรือแค่ดูรวย  แต่งตัวดี  มีรถบ้านแพง ๆ  แซงคิว หรือพูดจาไม่ดี หรือปฏิบัติต่อคนที่ดูด้อยกว่าอย่างน่าละอายนั้น เริ่มจากการที่เราสอนเด็กของเราให้อ่อนแอต่ออำนาจตั้งแต่ต้น 

เรามองสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แยกจากกัน  และไม่เห็นโยงใยซับซ้อนของอำนาจนิยมที่กัดกร่อนสังคมของเราทุกหย่อมหญ้าและมิติ

เรามองไม่เห็นว่ามันเป็นอำนาจนิยมในบ้านที่สร้างความเหลื่อมล้ำและยากจน  เพราะมันลดทอนสิทธิ์  สิทธิ์ของการมีชีวิตที่ดี  หรือกระทั่งสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ของเด็กชายแปดขวบที่ควรได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่  เรามองไม่ออกว่าอำนาจนิยมในสังคมริดรอนทุกคน  เป็นต้นตอของความไม่เท่าเทียมของผู้หญิง  เด็ก  คนข้ามเพศ  LGBT  เป็นต้นตอของความไม่อาจเติบโตในหน้าที่การงาน  ของการได้รับการศึกษาดี ๆ  ของการได้รับสิทธิ์พึงมีของคนชายขอบไม่ว่าจะเป็นพลเมืองกลุ่มน้อย  หรือคนไร้บ้าน 

สิทธิของการเป็นประชากร  สิทธิของการเป็นมนุษย์

เรามองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากลไกร้ายกาจที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำและยากจนดำรงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ในประเทศนี้คือทัศนคติอำนาจนิยม   และมันไม่ได้ดำรงอยู่ได้ด้วยความบังเอิญ  …โดยเฉพาะในยุคสมัยใหม่  หากแต่เกิดจากการส่งเสริมบ่มเพาะร่วมกันของคนทั้งชาติ  จากแม่และคนข้างบ้านที่ไม่แจ้งตำรวจมาจับพ่อเลี้ยงที่ซ้อมลูกแปดขวบคนนั้นบ่อย ๆ  และปล่อยให้เด็กถูกทารุณจนตาย  จากประชากรที่ไม่เรียกร้องให้คนสั่งกระทำการเหี้ยมโหดในเหตุการณ์ 14 และ 6 ตุลา  พฤษภาทมิฬ  พฤษภาปี 2553 มาลงโทษ  ผู้ปกครองที่ไม่เรียกร้องให้ครูที่ข่มขืนเด็กอื่นที่ไม่ใช่ลูกตัวเองถูกจับติดคุก  เพื่อนฝูงครอบครัวของข้าราชการที่โดนกลั่นแกลังแล้วไม่เคยปริปาก    

เรายอมรับอำนาจนิยมและไม่เห็นกลไกอำนาจนิยมในชีวิตประจำวันของเราแม้แต่น้อย  เราชื่นชมคนมีอำนาจ  กระทั่งแสวงหาผลประโยชน์เลื่อนลอยไร้ค่าจากฟูมฟักอำนาจ  ฝันหวานว่าวันหนึ่งจะมีอำนาจแบบใดแบบหนึ่งกับเค้าบ้าง  และเมื่อไม่ได้  เราก็หันมาสร้างอำนาจเหนือลูกหลานของเราเอง  โดยไม่สำเหนียกว่าตัวเราเองก็เป็นเหยื่อของอำนาจ 

ยิ่งกว่านั้นเรายังมองไม่เห็นอำนาจนิยมในใบหน้าอื่น  ไม่ว่าจะเป็นการใช้แบรนด์เนมที่ช่วยให้เราดูดี  ซึ่งในความเป็นจริงคือการช่วยให้เราเชื่อว่าเราเหนือกว่าเช่นเดียวกับเครื่องแบบ  เราจ่ายกับข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อถูกเห็นในห้างสะอาดสวยงามแทนตลาดสดสกปรก  เราส่งลูกเข้าโรงเรียนแพง ๆ เพื่อให้ลูกมีการศึกษาที่ดีแทนที่จะเรียกร้องให้มีการศึกษาที่ดีในทุกโรงเรียน  เราก่นด่าพ่อเลี้ยงใจร้าย  ทำให้การทำร้ายเด็ก ๆ เป็นเรื่องของตัวบุคคล  โดยมองข้ามทัศนคติน่าสะอิดสะเอียนในการเลี้ยงดูลูกมนุษย์  เพียงเพราะเราเองก็พึงพอใจที่จะมีอำนาจเหนือกว่าและสามารถควบคุมพวกเขา  เราเรียกร้องให้เขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในนามของความดี  เพราะมันง่ายกว่าที่จะดูแลคนหัวอ่อน สั่งซ้ายไปซ้าย  ขวาไปขวา โดยมองไม่เห็นว่าประชากรว่านอนสอนง่ายเป็นอันตรายต่อประเทศชาติมากเพียงไหน 

เราถึงขนาดมองตัวเองว่าเป็นคนดีด้วยซ้ำหากสามารถเลี้ยงดูบุตรหลานให้เป็นคนว่าง่ายยอมตาม ทั้ง ๆ ที่คนง่าย ๆ อะไรก็ได้ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดี  และคนที่ยาก ๆ คิดมาก ๆ ตั้งคำถาม  ดื้อ  ไม่ยอมตามก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร

เห็นหรือยังว่าตรรกะต่าง ๆ ที่ผิดเพี้ยนไปในสังคมของเรามันเริ่มจากที่ไหน