ยุติธรรมแล้วหรือที่เราจะเกลียดกุหลาบทั้งสวน เพียงเพราะเคยโดนหนามตำ - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประกายไฟลามทุ่ง

รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

Quote นี้ถูกนำมาจากวรรณกรรมเจ้าชายน้อย อธิบายถึงแก่นสาระสำคัญของชีวิตที่เราอาจหลงลืมเมื่อเราเติบโตที่เรามักใช้ประสบการณ์ของเราตัดสินสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มนุษย์ล้วนมีประสบการณ์ต่างกันตั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนความสัมพันธ์กับนโยบาย เรามักมีประสบการณ์ที่ครบถ้วน บกพร่อง ดีหรือเลวร้าย คำถามสำคัญคือมนุษย์โดยทั่วไปมีพฤติกรรมแบบนี้มากน้อยเพียงใด หรือจริง ๆ แล้วมนุษย์ล้วนพร้อมโอบรับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ มากขึ้น

ในการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ เราพบว่าการตัดสินใจและการสร้างทัศนคติของมนุษย์มักเกิดจากประสบการณ์ตรงที่ได้ประสบพบเจอ กระบวนการนี้เป็นกลไกพื้นฐานในการเรียนรู้และการอยู่รอดที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่อดีต เปรียบเสมือนการที่บรรพบุรุษของเราเรียนรู้ว่าผลไม้ชนิดใดกินได้หรือเป็นพิษจากประสบการณ์ของตนเอง และการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตาม ในโลกปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น การตัดสินสิ่งต่าง ๆ จากประสบการณ์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่ข้อจำกัดและความเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสบการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือบาดแผลทางจิตใจ ในระดับสังคม ปรากฏการณ์นี้แสดงออกในรูปแบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น การต่อต้านนโยบายสาธารณะโดยไม่ได้พิจารณาถึงบริบทที่แตกต่าง การสร้างภาพเหมารวมต่อกลุ่มคนจากประสบการณ์กับคนเพียงไม่กี่คน หรือการปฏิเสธแนวคิดใหม่ ๆ เพียงเพราะความล้มเหลวของแนวคิดที่คล้ายคลึงในอดีต

แต่ในขณะเดียวกัน การศึกษาด้านจิตวิทยาเชิงบวกได้ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์มีความสามารถในการพัฒนาความยืดหยุ่นทางจิตใจและการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ได้ ผ่านการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เช่น การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล การจัดการกับอารมณ์และความรู้สึก และการพัฒนามุมมองที่กว้างขึ้น การตระหนักถึงข้อจำกัดของการตัดสินจากประสบการณ์ส่วนตัว และการพัฒนาความสามารถในการมองเห็นภาพที่กว้างขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเองและการอยู่ร่วมกันในสังคม เฉกเช่นที่กุหลาบแต่ละดอกมีทั้งความงามและหนาม ประสบการณ์ชีวิตก็มีทั้งด้านบวกและด้านลบ การเรียนรู้ที่จะมองเห็นภาพรวม และเปิดใจรับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและสังคม

การพัฒนาความเข้าใจในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมากขึ้น เข้าใจผู้อื่นได้ลึกซึ้งขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลายได้อย่างสร้างสรรค์

การเรียนรู้ที่จะไม่ตัดสินทั้งสวนกุหลาบจากประสบการณ์กับหนามเพียงครั้งเดียว อาจเป็นก้าวแรกสู่การเติบโตทางปัญญาและจิตใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในการศึกษาการพัฒนานโยบายสวัสดิการของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เราพบว่าประสบการณ์จากอดีตมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและการยอมรับนโยบายใหม่ ๆ ดังจะเห็นได้จากกรณีของสวีเดน ที่เมื่อเริ่มพัฒนาระบบรัฐสวัสดิการในทศวรรษ 1930 ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากภาคธุรกิจ ซึ่งมีความกังวลว่าระบบภาษีที่สูงจะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยการออกแบบระบบที่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเป็นธรรมทางสังคม สวีเดนจึงสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐสวัสดิการที่ออกแบบอย่างรอบคอบสามารถประสบความสำเร็จได้

ในขณะเดียวกัน เยอรมนีก็ได้พัฒนาระบบประกันสุขภาพที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เมื่อครั้งที่เริ่มต้นระบบประกันสุขภาพภาคบังคับในศตวรรษที่ 19 ก็มีความกังวลจากประสบการณ์ความล้มเหลวของระบบเอกชน แต่ด้วยการพัฒนาระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพและการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ระบบนี้จึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในระบบประกันสุขภาพที่ดีที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น แม้แต่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างบราซิลก็มีบทเรียนที่น่าสนใจไม่น้อย โครงการ Bolsa Família ที่ให้เงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไขแก่ครอบครัวยากจน แม้จะเผชิญการคัดค้านในระยะแรกจากผู้ที่เคยเห็นความล้มเหลวของโครงการแจกเงินในประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ แต่การออกแบบระบบติดตามที่เข้มแข็งและการกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน ทำให้โครงการนี้กลายเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหาความยากจนที่ได้ผล

กรณีที่น่าสนใจอีกกรณีหนึ่ง คือการทดลองนโยบายรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าในฟินแลนด์ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประสบการณ์ความล้มเหลวในประเทศอื่น แต่การออกแบบการทดลองอย่างเป็นระบบและการประเมินผลที่โปร่งใส ทำให้ฟินแลนด์ได้ข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการพัฒนานโยบายสวัสดิการในอนาคต จากกรณีศึกษาเหล่านี้ เราได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จของนโยบายสวัสดิการไม่ได้อยู่ที่การลอกเลียนแบบหรือหลีกเลี่ยงความล้มเหลวของประเทศอื่น แต่อยู่ที่การออกแบบระบบที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ การสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการมีระบบติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและความโปร่งใสในการดำเนินงานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดอคติที่เกิดจากประสบการณ์ในอดีต

การพัฒนานโยบายสวัสดิการที่ประสบความสำเร็จจึงต้องอาศัยทั้งการเรียนรู้จากอดีตและความกล้าที่จะทดลองแนวทางใหม่ ๆ โดยต้องเข้าใจว่าบริบทที่แตกต่างกันต้องการแนวทางที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ปล่อยให้ประสบการณ์ด้านลบในอดีตปิดกั้นโอกาสในการพัฒนานโยบายที่ดีกว่าในอนาคต เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การสร้างระบบสวัสดิการที่ยั่งยืนคือการสร้างสังคมที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีศักดิ์ศรีและเท่าเทียม