วิถีวิปลาสนานาที่กลับกลายเป็นปกติวิถี - Decode
Reading Time: 2 minutes

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

หลังผ่านน้ำท่วมใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่เชียงรายสองครั้ง เชียงใหม่ สามจังหวัดใต้มาถึงภาคใต้ตอนกลางมีตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่น้อย การรับมือของรัฐบาลก็ยังเป็นอย่างเดิมเหมือนเคยเป็นมาตลอดทุกรัฐบาล …ทองไม่รู้ร้อน  

ไม่มีการตระเตรียมรับมือหายนะล่วงหน้าทั้ง ๆ ที่มีข่าวการคาดการมาของพายุล่วงหน้าหลายอาทิตย์ ไม่มีการตั้งศูนย์ข่าวสารเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างกว้างขวางมีประสิทธิภาพ และถูกต้อง ป้องกันการได้ข้อมูลกระปริบกระปรอยที่ล่าช้าและสับสน ซึ่งจะสามารถช่วยให้ประชาชนปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของตนจากภัยพิบัติได้ระดับหนึ่ง   

ไม่มีการตั้งวอร์รูมของรัฐบาลเพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ ไม่มีตั้งศูนย์จัดการภัยพิบัติเพื่อให้การดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ไม่มีกระทั่งศูนย์อพยพ ปล่อยให้ผู้คนจมน้ำไป ไม่ก็ทุรนสะเปะสะปะหนีน้ำไปตายเอาดาบหน้าเอง มิหนำซ้ำยังโยนผิดให้ชาวบ้านที่ติดอยู่ในน้ำสูงท่วมหัวว่าก็ประกาศให้อพยพแล้วไม่ไปเอง   

รัฐบาลประกาศตอนไหนหรือที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ จะให้อพยพไปอยู่ที่ไหนก็ไม่บอก น้ำมาทางไหนหรือถึงไหน  พื้นที่ตรงไหนสูงหรือต่ำก็ไม่แจ้ง ไม่รวมไม่มีการช่วยเหลือขนย้ายผู้คนก่อนน้ำมา…ในขณะยังทำได้สะดวกกว่า ที่สำคัญ…ไม่มีความช่วยเหลืออพยพ ชาวบ้านส่วนใหญ่ตามต่างจังหวัดมีพาหนะเป็นมอเตอร์ไซค์ จะให้ขนย้ายคนแก่หรือคนป่วยซ้อนท้ายฝ่าน้ำไปยังไง น้ำมาถึงก็ทั้งสูงทั้งเชี่ยวขนาดคนแข็งแรงก็ยังฝ่าไปไม่รอด    

จนน้ำหลากท่วมหัวติดหลังคาก็ยังคงไม่เร่งรีบช่วยเหลือแต่อย่างใด ทั้งในส่วนกอบกู้เคลื่อนย้ายผู้ติดอยู่ในบ้าน  การจัดลำดับความด่วนในการช่วยเหลือ จัดการข้อมูลข่าวสารให้กระจ่าง แจกจ่ายอาหารสิ่งจำเป็น ไม่มีกระทั่งช่วยเหลือจัดระเบียบ ให้ข้อมูล สนับสนุนเครื่องมือเครื่องใช้ให้อาสาสมัครองค์กรต่าง ๆ นับร้อย ๆ ที่มากันจากทุกที่ของประเทศทำงาน ไม่ต้องพูดถึงการเก็บกู้ทำความสะอาดเมื่อน้ำลด ซึ่งปีที่แล้วไม่ได้เป็นน้ำเอ่อล้นหลากแต่เป็นน้ำป่าทะลักท่วมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลนและเป็นไปไม่ได้เลยที่ประชาชนตัวเล็ก ๆ จะช่วยตัวเองขนย้ายโคลนดินเป็นตัน ๆ ออกไปและกลับเข้าบ้านได้เมื่อน้ำลด   

กำลังเกือบทั้งหมดที่ดูแลประชาชนในภัยพิบัติครั้งนี้และครั้งก่อน ๆ คืออาสาสมัครประชาชนด้วยกันเองพอจะมีทหารออกมาให้เห็นบ้าง แต่บางตาเหลือทนและน้อยอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับความสาหัสของสถานการณ์และความไพศาลของพื้นที่ภัยพิบัติ 

ปัญหาคืออาสาสมัครเหล่านี้ที่มีแต่ใจ มากันโดยไม่มีข้อมูล ไม่คุ้นเคยพื้นที่ ทั้งยวดยานพาหนะ เครื่องมือเครื่องไม้ทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ที่พักไปยันอาหารยังชีพยังต้องเรี่ยรายขอบริจาคกันเอง ที่สำคัญไม่มีทักษะเหมือนกำลังทหารและข้าราชการที่ได้รับการฝึกปรือมาเป็นอย่างดีจากภาษีของเรา ซึ่งมีทั้งยวดยาน เครื่องมือเครื่องไม้ พร้อมพรั่งที่ซื้อหาจากภาษีของเรามาจอดกอง      

ก็อยู่กันมาได้นี่ นี่ไม่ใช่น้ำท่วมครั้งแรกเมื่อไหร่  ก็กระเสือกกระสนช่วยกันเองได้นี่ …การมีอาสากู้ภัยที่จิตใจเข้มแข็งแถมยังเก่งกาจ มิหนำซ้ำยังมีคนที่ไม่ได้มีเงินทองมากมายแต่มีหัวใจใหญ่โตโอบอ้อมคอยร่วมบริจาคทุนรอน นี่จึงกลายเป็นคำสาปของประเทศไป 

รัฐบาลไม่เคยแม้แต่จะเกื้อกูลดูแล นอกจากถุงยังชีพนิด ๆ หน่อย ๆ    

ตามจริงโผล่มาร่วมกอบกู้ดูแลสักครึ่งหนึ่งก็เอาดี อาสาสมัครเหล่านี้ในยามไม่มีภัยพิบัติก็เป็นคนธรรมดา ทำงานประจำหาเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว จำนวนไม่น้อยใช้เวลาว่างจากงานประจำทำงานบรรเทาสาธารณภัยร่วมกับมูลนิธิและสมาคมต่าง ๆ อยู่ก่อน กู้ชีพแก้วิกฤตให้กับประชาชนตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเพลิงไหม้ อาชญากรรม อุบัติเหตุ ป่วยไข้   

พวกเขาไม่ได้รับเงินเดือน ยวดยานและเครื่องไม้เครื่องมือจำเป็นใช้ในการทำงานก็ยังออกเงินซื้อหาเองและฝึกฝนทักษะเอาจากประสบการณ์ ไม่ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นระบบมา จะเห็นว่าประเทศนี้ไม่เคยมีหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของรัฐเป็นกิจจะลักษณะ การกู้ชีพ จัดการหายนะประจำวันต่าง ๆ รวมทั้งนำส่งผู้เคราะห์ร้ายไปโรงพยาบาลจึงกลายเป็นภาระหน้าที่ของอาสาสมัคร ด้วยพาหนะแบบต่าง ๆ ตั้งแต่รถกระบะแบบปิดแบบไม่มีหลังคาปิด มอเตอร์ไซค์ เครื่องมือเครื่องไม้กู้ชีพหยูกยาประดามี …ทุกอย่างตามมีตามเกิด   

ไม่ได้ว่าว่างานอาสาสมัครเหล่านี้ไม่มีคุณภาพ ตามจริงจากข้อจำกัดที่กล่าวมาคือดีมาก แต่เราจ่ายภาษี เราสมควรต้องได้รับการปกป้องและบรรเทาทุกข์ที่มีประสิทธิภาพ มีหลักการและมีคุณภาพ เราสมควรมีรัฐบาลกำกับความช่วยเหลือ เกื้อกูลอุปกรณ์คุณภาพ  ทันสมัย ดูแลชีวิต หรือน้อยที่สุดคือให้การอบรม ฝึกปรือทักษะ ให้ความรู้กับอาสาสมัคร     

ที่สำคัญคือเมื่อไม่มีหน่วยงานกำกับดูแล คนทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินเสี่ยงอันตรายเหล่านี้ นอกจากจะไม่ได้รับค่าจ้าง หลายครั้งยังกลายเป็นเหยื่อไปเสียเอง โดยไม่ได้รับการสนับสนุนค่ารักษาพยาบาล ได้รับการเยียวยาชดเชยเมื่อได้รับอันตรายระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ 

ก็รอดกันได้มาตลอดนี่ ไม่ได้ตายหมดประเทศไปเมื่อไหร่ เราอาจถูกทำให้คิดเช่นนั้น แต่ไม่คิดหรือว่าหากรัฐบาลมีหน่วยงานเป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง มีบรรเทาสาธารณภัยคุณภาพและประสิทธิภาพ มีหน่วยงานทำงานเฉพาะกิจที่มีอุปกรณ์ยวดยานพรั่งพร้อมกว่านี้ …เหตุร้ายต่าง ๆ ที่เคยเกิด กำลังเกิดทุกนาทีและกำลังจะเกิดอีกในอนาคตจะถูกจำกัดวงความเสียหายลงกว่านี้มาก ความตายจากเหตุร้ายจะน้อยลง การสูญเสียทรัพย์สินจะน้อยลง ความยากลำบากและสุ่มเสี่ยงในการทำงานของคนดี ๆ มีน้ำใจจะน้อยลง   

เราจ่ายภาษีมหาศาล เพื่อสร้างกองทัพขนาดมหึมา มียุทโธปกรณ์ทันสมัยพรั่งพร้อม โดยที่เราไม่มีศัตรูถาวร และปล่อยทหารหลายแสนนั่งนอนทับยุทโธปกรณ์ยวดยานที่ว่าไปในยามหน้าสิ่วหน้าขวานประชาชนลำบากก็ควรเกณฑ์ออกมาช่วยเหลือบ้าง  

และว่ากันตามตรง เราควรลดขนาดกองทัพลง เอาเงินบำรุงบำเรอกองทัพมาตั้งหน่วยบรรเทาสาธารณภัยที่แข็งแกร่งและสามารถ เพื่อรับมือกับอุบัตุเหตุรายวัน โรคระบาด ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูที่แท้จริงและเป็นภัยคุกคามชีวิตประชาชนที่ร้ายกาจรุนแรงขึ้นทุกปี   

เราควรมีรัฐบาลที่เห็นแก่ชีวิต ความเป็นอยู่และให้ความสำคัญความทุกข์ยากของประชากรมากกว่าอำนาจ   

…เราควรมีรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลจริง ๆ