นั่งอานบนหลังเป็ด ทะยานไปในดาวที่ไม่รู้จัก และทึกทักเอาเองว่าตัวเองมีกำพืดมาจากชนชั้นสูง “เจ้าชายวัยกลางคน”
เป็นวรรณกรรมขององอาจ ชัยชาญชีพ ก่อนเริ่มต้นหยิบจับเล่มนี้จากสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ในปีที่ผ่านมา พลันคิดได้ว่าผู้เขียนจงใจอย่างแจ่มแจ้ง ที่จะล้อเลียนชื่อปกอย่างวรรณกรรม “เจ้าชายน้อย” ที่เป็นวรรณกรรมคลาสสิกอมตะ
แต่ก็เอาเหอะ ผมไม่ใช่คนที่จะมโนเอาเอง ว่าคนนั้นจะเป็นอย่างนี้ คนนี้จะเป็นอย่างนั้น เลยหยิบใส่ตะกร้า และเดินหน้าไปจ่ายตังทันที
ตัวละครอย่างจอห์นนี่ (จริง ๆ ทุกคนที่หลุดเข้าไป ถูกเรียกว่าจอห์นนี่) ตื่นมาในที่ที่ไม่รู้จัก กับภาพแรกที่ปรากฏคือต้นไทรสูงเท่าหัวเข่า และมีเป็ดขนาดเท่าช้างแอฟริกา เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร มาจากที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่รู้และไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกถึงตัวเขาเลย เว้นแต่ด้ายที่ปักอยู่ที่ขอบกางเกงชั้นใน อ่านได้ว่า ‘เจ้าชาย’ สิ่งเดียวที่คิดเอาเองได้ แสดงว่าเขาน่าจะเป็นเจ้าชายอยู่ที่เมืองซักเมืองหนึ่ง และคงมาจากครอบครัว ตระกูลของชนชั้นสูง สักตระกูลหนึ่งบนโลกใบนี้แน่ ๆ
เจ้าเป็ด พูเลกริเย่ เรียกเจ้าชายว่าผู้เดินทาง และแอ่นหลังให้เจ้าชายขี่ เพื่อพาไปยังจุดรวมพลของคนที่อยู่ ๆ ก็หลงมาปรากฏที่ดาวดวงนี้ ทุกคนต้องเข้าคิวรับบัตรเพื่อรายงานตัวและเสี่ยงทาย ว่าจะต้องผ่านด่านคล้ายกับเล่นเกมกี่ด่าน ซึ่งแต่ละคนจะได้ไม่เท่ากัน ตามจำนวนการโยนลูกเต๋า แต่เจ้าชายได้ถึง 13 เจ้าหน้าที่ประจำจุดพลันหลุดปากพูดว่า นี่เป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบหลายพันปี
กติกาแสนสั้นที่สุดของเกมนี้ คือต้องผ่านด่านทดสอบให้เกินกว่าครึ่ง จากดาวแต่ละดวงที่ต้องเดินทางไป หากไม่ผ่าน ก็จะต้องกลายเป็นเป็ด และบินว่อนรับส่งผู้เดินทางต่อไป เจ้าชายถึงอุทานขึ้นว่า
“ไอ้ฉิบหายเอ๊ย ของกูต้องล่อไปถึง 13 ด่าน เวรแท้ ๆ” เจ้าชายพยายามสอบถามพูเลกริเย่อยู่หลายครั้ง ว่าตัวเองเป็นใครและคนอื่น ๆ มาที่นี่ได้อย่างไร พูเลกริเย่ก็ตอบอะไรแทบไม่ได้ นอกจากอธิบายหน้าที่ของตัวเองว่าต้องบินส่งผู้เดินทางไปยังดาว ๆ จากนั้นก็รับอาหารเป็นรางวัล และตื่นมาทำหน้าที่แบบนี้ต่อไป โดยที่เป็ดตัวไหน ๆ ก็ไม่เคยมีคำถามแบบนี้เหมือนกัน และหลังจากนั้นก็เริ่มต้นออกเดินทาง ด้วยความงุนงง ไม่รู้ และต่อให้อยากรู้แค่ไหนก็ไม่มีคำตอบ
ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้สองร้อยกว่าหน้า สามารถอ่านจบได้ผ่านในครั้งสองครั้ง ภาษาที่เขียนอ่านง่าย ผู้เขียนเล่าอย่างเป็นลำดับ และถ้าหากว่าใช้จำนวนครั้งในการอ่านมากเกินไป จะทำให้เนื้อหาไม่ปะติดปะต่อ สับสน เหมือนที่ผมเจอ จนต้องจำใจเปิดอ่านใหม่ตั้งแต่หน้าแรก เช้าวันหยุดทั้งวันเพื่อโฟกัสอยู่กับเจ้าชายวัยกลางคน แม้ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสการใช้ชีวิตแบบเจ้าชายสักทีก็ตามเหอะ
ตลอดการเดินทางของเจ้าชายวัยกลางคนตลอดทั้งเล่ม กับ 13 ดาวที่ต้องทำภารกิจ เพื่อมีโอกาสจะได้กลับไปในที่ที่จากมา ผมจะหยิบยกบางดาวมาเล่าให้ผู้อ่านได้ฟัง และตั้งข้อสังเกตกับการเดินทางในครั้งนี้ไปด้วยกัน
เริ่มต้นออกเดินทาง ทะยานสู่ดาวมิตรภาพ แม้จะยังไม่ได้เริ่มการทดสอบจากเจ้าหน้าที่ประจำดาว เขาก็ได้รับการประทับตราดาวห้าแฉกที่เป็นสัญลักษณ์ของการผ่านด่าน และเชื้อเชิญด้วยการอยู่ปาร์ตี้ในยามค่ำคืน กับผองเพื่อนของเจ้าหน้าที่ประจำดาวในฐานะมิตรภาพ ทุกคนสนุก และดื่มกันจนเมามัน หลังจากนั้นเจ้าชายแทบที่จะจำอะไรไม่ได้ เพราะเท่าที่จำได้ คือซดแอลกอฮอล์เข้าไปหนักมาก หลังจากตื่นเช้าด้วยการไม่สร่างดีเจ้าหน้าที่ประจำดาวกลับกลอกใจ เปลี่ยนจากตราประทับดาวห้าแฉก เป็นเครื่องหมายกากบาทอย่างงุนงง เจ้าชายต้องรีบไปขึ้นหลังพูเลกริเย่ ด้วยความไม่เข้าใจ ไหนว่าทั้งคืนที่ผ่านมาคือมิตรภาพ แต่สุดท้ายไม่ได้ทั้งมิตรภาพและไม่ผ่านด่านทดสอบในด่านแรกด้วย
ดาวศรัทธาคือดาวดวงที่ 2 เจ้าชายจะต้องพิสูจน์ศรัทธาของตัวให้เจ้าหน้าที่ประจำดวงดาวได้เห็น โดยการใส่รองเท้าที่มีตะปูโผล่อยู่ เพื่อเดินทางไปกลับระหว่างดาวสีขาวที่ยืนอยู่ และดาวสีทองที่อยู่ติดกัน จากนั้นต้องปีนผาที่ดาวสีทอง เพื่อหยุดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้เจ้าหน้าที่จะบอกว่า เจ้าชายมีโอกาสไม่รู้จบ จะใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ กี่ครั้งก็ได้ แต่เจ้าชายสวนด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ว่าต้องพิสูจน์ศรัทธาบ้าบออะไรกัน” พิสูจน์ศรัทธาในสิ่งที่ฉันไม่ได้เชื่อ “ว้อทเดอะฟัค เหยียบไปทีเดียวมันก็ทะลุฝ่าเท้าเห็น ๆ” เจ้าชายฉุนด้วยท่าทีขึงขัง พร้อมประกาศยอมแพ้“ จะไม่พิสูจน์ศรัทธาอะไรนั่นหรอก ศรัทธาต่างหากที่ต้องพิสูจน์กับฉัน เพื่อให้ฉันเชื่อและพร้อมจะศรัทธา” เจ้าหน้าที่บนดาวโกรธกริ้ว
“ไสหัวออกไป ที่นี่ไม่ต้องการคนใจบาป”
ก่อนดึงแขนของเจ้าชายขึ้นมาและใช้ตราเหล็กรมไฟ กากบาทเข้าไปที่แขนเจ้าชายให้เกิดแผลไหม้” และเช่นเดิม เจ้าชายก็ไม่ผ่านด่านทดสอบอีกแล้ว
คำถามในหัวของเจ้าชายคือนี่ฉันต้องมาทดสอบอะไร นี่มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนรำพึงรำพันว่า ไม่เอาแล้ว ฉันอยากกลับ อยากกลับแล้ว….. แม้ไม่รู้ว่าที่ที่จะกลับไป จะสะดวกสบายมากกว่าที่เป็นอยู่ หรือไม่แน่ในตอนที่จากมา อาจจะเป็นเจ้าตัวเองก็ได้ที่ร้องขอ ในส่วนความทรงจำอันว่างเปล่าบอกเพียงแค่ว่า ไม่รู้ ยังไงก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ก่อนจะเดินทางไปดาวต่อไป ที่ต้องเลือกว่า ถ้ารถไฟที่กำลังวิ่งจะเข้าชนคนสองฝั่ง เจ้าชายสามารถเลือกช่วยได้วิธีเดียว จะเลือกช่วยใคร และเจ้าชายก็ตอบกลับไปว่า เลือกไม่ได้หรอกเพราะข้อมูลที่ให้มาน้อยเกินไปที่จะตัดสินใจ ว่าจะทำอย่างไร และพลันนึกขึ้นได้ว่า ทำไมรถไฟถึงไม่เหยียบเบรกล่ะ จะได้ไม่ต้องชนใคร ส่วนเจ้าชายก็ไม่ต้องช่วยใคร ทำไมดาวดวงนี้พิลึกพิลั่นสิ้นดี “เพราะมีแต่คนที่คอยตัดสินชะตาชีวิตคนอื่น”
ร่อนลงดาวธรรมดา เจอฤๅษี ที่เจ้าชายดูแล้วไม่น่าจะใช่ฤๅษีจริง ๆ เพราะดูจากผ้าที่ตัดจนเนี้ยบเกินกว่าจะเป็นผู้ทรงศีล “ยินดีต้อนรับผู้เดินทางสู่ดาวธรรมดา” ฤๅษีกล่าวทักทาย เจ้าชายกล่าวตอบทันควัน ด้วยอาการเหนื่อยล้า “ว่าข้าพลาดมาอย่างต่อเนื่องสามด่านจากดาวทั้งสามดวง” ท่านโปรดชี้ทางข้าที ว่าต้องทำอย่างไร ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฤๅษีโยนตราประทับดาวห้าแฉกให้เจ้าชาย และขอให้เจ้าชายอยู่ด้วยกันทั้งคืน เพื่อให้เจ้าชายแน่ใจว่าจะไม่โดนหลอกอีกแล้ว พลันได้ตราประทับปุ้ป ก็ทำท่าออกไปให้อาหารพูเลกริเย่ โดยอ้างว่าจะได้ไม่ร้องหิวโหยที่อาจจะรบกวนกิจกรรมยามค่ำคืนของเราทั้งสอง แต่ทันใดเจ้าชายก็ตะโกนใส่พูเลกริเย่ว่า “ไป ออกเดินทาง รีบออกบินไปดาวต่อไป” ฉันได้ตราประทับมาแล้ว มองลงไปเห็นฤๅษีข้างล่างด้วยท่าทีโกรธกริ้ว โมโหเอาการ จนผมและหนวดที่เห็นแต่คราแรกก็รู้ว่าเป็นของปลอมหลุดว่อนไปหมด ผมนึกเอาเอง ว่าประสบการณ์สอนเราอย่างที่สอนเจ้าชายว่า มีเพียงแค่ดาวห้าแฉกเท่านั้นที่จะทำให้เขาอยู่รอด ลืมหลักการ ตรรกะต่าง ๆ ออกไป และหาทางใช้ชีวิตรอด นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะพาตัวเองไปถึงหมุดหมาย อย่างที่เจ้าชายต้องการเพียงอย่างเดียว คือกลับ และไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว
หลังจากที่บินว่อน ล่าดาวห้าแฉกจนเหลือดวงสุดท้าย พูเลกริเย่ก็ลงจอดที่ดาวอำลา เจ้าชายต้องนอนพักกว่าร้อยวัน หลังจากร่างกายเจอศึกแสนสาหัส บาดแผลอาบเลือดทั่วร่าง ตื่นมาเจอกับหญิงสาววัยกลางคน และพูเลกริเย่ก็จากไปแล้ว เพราะจบหน้าที่รับส่งของมันโดยสมบูรณ์ เจ้าชายไม่เริ่มด้วยการถามว่าดาวดวงนี้จะสามารถผ่านด่านได้อย่างไร ใช้ชีวิตเช้าจรดเย็นกับหญิงสาวที่ตื่นมาเจอ อาศัยอยู่ด้วยกันสองคน ก่อนที่ความรู้สึกของเจ้าชายจะตระหนักได้ว่า รู้สึกตกหลุมรักจุมพิตหญิงสาวผู้นี้เข้าแล้ว แต่ในเมื่อโจทย์ของเจ้าชายคือการกลับไปยังที่ที่จากมา แม้ในดาวดวงสุดท้ายนี้จะทำให้เจ้าชายมีชีวิตที่ดี เจอความรักดี ๆ ที่ลงตัว แต่ในเมื่อตัดสินใจเอ่ยปากถามว่าจะผ่านด่านดาวดวงนี้ได้อย่างไร หญิงสาว ตอบกลับว่า “เจ้าพร้อมแล้วหรอ” และมอบบทดสอบสุดท้ายให้เจ้าชาย
หญิงสาวนำกระถางที่มีดอกตูมของลิลลี่สีขาว และบอกกับเจ้าชายว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ดอกลิลลี่บาน และมีโอกาสสำหรับด่านนี้ถึงสามครั้ง แต่เจ้าชายก็ใช้โอกาสพังทั้งสองครั้ง โดยการพยายามใช้มือดันให้ดอกไม้บาน แต่กลีบของดอกลิลลี่ก็ร่วงโรย และไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไร เลยตัดสินใจใช้ชีวิตกับหญิงสาว บนดาวสุดท้ายจนเวลาล่วงผ่านไป สุดท้ายก็บอกกับหญิงสาวว่า ฉันตัดสินใจที่จะไม่กลับแล้ว จะใช้ชีวิตคู่อยู่กับท่านที่ดาวดวงนี้ แต่ในเมื่อนี่เป็นด่านทดสอบ อย่างที่หญิงสาวได้ถามเจ้าชายแล้วว่า “พร้อมแล้วหรอ” และเจ้าชายได้เลือกทุกอย่างไปแล้ว ข่าวดีคือเช้านี้ดอกลิลลี่ได้ผลิบาน “วิธีเดียวที่จะทำให้ดอกไม้บานสวย คือให้เวลา” หญิงสาวกล่าวด้วยแววตาอำลา เจ้าชายออกอาการโศกเศร้า และทันใดแสงก็วูบวาบขาวโพลน
เจ้าชายตื่นขึ้นมาด้วยชุดสีเขียวอ่อนนอนอยู่บนเตียง รายล้อมโดยผู้คน เรื่องราวทั้งหมดก่อนเกิดเหตุการณ์ เจ้าชายหมดสติด้วยอาการสมองตายไปแล้วกว่า 49 นาที และฟื้นขึ้นมาด้วยสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ หรือเรียกอีกอย่างคือเจ้าชายเพิ่งฟื้นจากความตาย
ในฐานะที่ผมกำลังจะเข้าสู่วัยกลางคน เห็นตรงกับหญิงสาวบนดาวดวงสุดท้ายเช่นนั้นเหมือนกัน ว่าเวลาจะทำให้ทุกอณูสิ่งบนโลกนี้เบิกบาน โลกที่หมุนเร็วจนแทบจำไม่ได้ว่าชั่วโมงที่ผ่านมา ทำอะไรไปบ้าง คุยกับใครไปบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราแทบที่จะไม่มีโอกาสที่จะฟื้นจากความตายเพื่อระลึกสิ่งเหล่านี้ การเดินทางของเจ้าชายวัยกลางคน บอกสิ่งหนึ่งกับเราว่า สังคมนี้หลากหลาย บางอย่างต้องใช้ตรรกะอย่างถี่ถ้วนเพื่อมีชีวิตรอด บางอย่างก็ไม่ต้องคำนึงถึงอย่างใดนอกจากต้องเอาชีวิตให้รอดไว้ก่อน
สุดท้ายเจ้าชายก็กลัวที่จะอยู่ต่อบนดวงดาวอย่างไร้ความทรงจำ แม้บั้นปลายของดาวอำลาอาจเรียกได้ว่าได้เจอคู่ครองที่สมใจ แต่ก็ยังดิ้นรนที่จะกลับไปในที่ที่จากมา แม้ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะสบายกว่าที่เป็นอยู่
Playread : เจ้าชายวัยกลางคน
ผู้เขียน : องอาจ ชัยชาญชีพ
สำนักพิมพ์ : เป็ดเต่าควาย PTK
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน)ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี