อัศวินชั่วร้าย
อสุรกายในตำนาน
โศกนาฏกรรมน่าสลด
ผู้มีอำนาจและคำโป้ปดมดเท็จ
นี่ไม่ใช่คีย์เวิร์ดของหนังสือแนวดิสโทเปียไตรภาค ความหนาเล่มละอย่างน้อย 500 หน้าเป็นอย่างต่ำ แต่เป็นสิ่งที่ปรากฏในกราฟิกโนเวลลายเส้นเรียบง่ายเด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านเถอะที่ผสมผสานเนื้อเรื่องอัศวินยุคกลางเข้ากับไซไฟล้ำสมัย ทว่าเต็มไปด้วยการโอบกอดความหลากหลายอันแสนอบอุ่นได้อย่างลงตัว หนังสือเล่มนี้คือ Nimona เขียนและวาดโดย ND Stevenson ที่ถูกสร้างเป็นอนิเมชั่นลง Netflix ในชื่อเดียวกันที่แตกต่างกันในรายละเอียดการดำเนินเรื่อง แต่ไม่ว่าจะมาในรูปแบบกระดาษหรือบนจอดำก็ทำเราน้ำตาคลอทั้งสิ้น
ดิน ดาว และเถ้าถ่าน
“พวกเราบางคนก็ไม่ได้มีตอบจบแสนสุขที่ตามหาหรอก… เพราะที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรแบบนั้น และนี่ก็ไม่ใช่นิทานแสนสุขด้วย”
… ในอาณาจักรอันรุ่งเรืองที่ห้อมล้อมไปด้วยวิทยาการชั้นสูงและกองกำลังอัศวินมากความสามารถ บัลลิสเตอร์ แบล็กฮาร์ท คืออัศวินน้ำดีผู้ร่วงหล่น หลังแพ้การประลองอย่างไม่เป็นธรรมและเสียแขนไปข้างหนึ่งโดยน้ำมือของคนสนิทอย่าง แอมโบรเชียส โกลเด้นลอยน์ เขารู้สึกเหมือนถูกหักหลังเข้าอย่างจัง ทั้งยังถูกขับไล่ออกจากสถาบันฝึกอัศวิน บัลลิสเตอร์จึงผันตัวมาเป็นจอมวายร้ายผู้มุ่งมั่นในการโค่นล้มและเปิดโปงสถาบัน หวังดำเนินการปกป้องประชาชนภายใต้วิจารณญาณของเขาเอง
… ในอาณาจักรอันรุ่งเรืองที่ห้อมล้อมไปด้วยกำแพงสูงกั้นอสุรกายร้ายในตำนาน บัลลิสเตอร์ โบลด์ฮาร์ท คือสามัญชนคนแรกที่ได้รับโอกาสล้ำจากราชีนีให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของเหล่าอัศวินชั้นสูง เขาเติบโตเป็นอัศวินที่เก่งกาจท่ามกลางเสียงถกเถียงของประชาชน ตีคู่มากับ แอมโบรเชียส โกลเด้นลอยน์ คนรักของเขา ก่อนทุกอย่างจะจบลงหลังเขาถูกใส่ร้ายว่าลอบปลงพระชมน์ราชินี โดยมีพสกนิกรทั้งอาณาจักรเป็นพยาน บัลลิสเตอร์กลายเป็นผู้ถูกหมายหัวอันดับหนึ่ง แต่มิวายยังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อล้างมลทินให้กับตนเอง
ไม่ว่าคุณจะชอบตอนเริ่มแบบหนังสือหรืออนิเมชั่น ก็คงคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ชีวิตของตัวละครเอกของเรานั้นไม่เพียงแต่ไม่โปรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเปรียบกราฟชีวิตเป็นพาราโบลาคว่ำก็คงไม่เกินจริง อย่างไรก็ตามนี่คือบทแรกของการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่เพราะเขาได้พบกับ นิโมนา เด็กปริศนาผู้มีพลังแปลงกาย ที่มาเคาะประตูขอสมัครเป็นลูกสมุนของวายร้ายอันดับหนึ่งแห่งปี ผู้ทำให้เส้นกั้นระหว่างฮีโร่ วายร้าย และเหล่าสัตว์ประหลาดในภาพจำของบัลลิสเตอร์จางลง และจางลงขึ้นทุกที
นิโมนาพิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ตนไม่ใช่อสูรกายชั่วร้ายอย่างที่ถูกบอกเล่ามากว่าสหัสวรรษ ผ่านการใช้พลังแปลงกายช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากลูกหลงของการต่อสู้ของผู้มีอำนาจ (แม้จะบ้าบิ่นและบุ่มบ่ามเกินความชอบใจของบัลลิสเตอร์อยู่บ่อย ๆ) แต่การจะโน้มน้าวให้คนอื่น (นอกเหนือจากคนใกล้ตัวอย่างบัลลิสเตอร์) สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด และนั่นไม่ใช่เพราะเธอยังพยายามไม่มากพอ แต่เป็นอคติฝังรากลึกที่ทุกคนมีต่อคนที่ไม่เหมือนตัวเอง
อย่างไรก็ตามคู่หูดูโอ้อย่างบัลลิสเตอร์และนิโมนาสืบเสาะหาข้อมูลจนสาวกลับไปยังต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั่นก็คือ สถาบัน ทั้งสองค้นพบความลับอันน่าตกใจที่ผู้มีอำนาจซ่อนไว้ แต่ไม่อาจเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมากับผู้คนที่เชื่อมั่นและเคารพสถาบันเป็นเวลานานได้เลย เพราะสถาบันทรงอำนาจที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่นั้นไม่เพียงสามารถขึ้นดินให้เป็นดาว หรือฉุดกระชากดาวที่ตัวเองปอปั้นลงมาให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน แต่ยังสามารถพลิกแพลง เล่นลิ้น ใช้ทุกวิถีทางในการเอาตัวรอดเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไปได้อีกด้วย
ผู้ละทิ้งบรรทัดฐานในทุกทาง
“เราคิดว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นสัตว์ประหลาด แต่เธอไม่ใช่ เธอเป็นสัตว์ประหลาดที่ปลอมตัวเป็นเด็กผู้หญิง”
ในระบอบที่ผู้มีอำนาจปกครองโดยลำดับชั้นมักประกอบสร้างและนิยามความ ‘เป็นหนึ่ง’ เป็นไม้ตายที่ผสานผู้คนเข้าไว้ด้วยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากที่สุด พร้อมสร้างความ ‘เป็นอื่น’ และตีความสิ่งนั้นเป็นสิ่งอันตราย ไม่ว่าจะในด้านฐานะ ชนชั้น วงศ์ตระกูล เพศ เชื้อชาติ สายพันธุ์ ตลอดจนความคิด ที่หากแตกแถวจากสิ่งที่ควรเป็นเมื่อใด ก็คงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากความวุ่นวายโดยสมบูรณ์
เมื่อความเป็นหนึ่งที่ถูกต้องและดีงามถูกปลูกฝังไว้ให้ลึกที่สุดในร่างกายและทัศนคติของผู้คน จะคนหรือไม่ใช่คนอย่างบัลลิสเตอร์และนิโมนา จึงกลายเป็นภัยร้ายต่อความมั่นคงที่ต้องกำจัดอย่างเร่งด่วนไปโดยปริยาย
นิโมนานำเสนอมิติของผู้ที่ปฏิเสธ ละทิ้ง ตลอดจนแหกบรรทัดฐานของสังคมอย่างเรียบง่ายทว่าทรงพลัง และชวนให้ผู้อ่านได้ลองตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว โดยมิวายย้อนกลับมาทบทวนตัวเองระหว่างทางว่าเรานั้นกำลังใช้ชีวิตด้วยการตัดสินที่ขุ่นมัวไปด้วยหมอกของอคติอยู่หรือไม่ และเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นหากโลกเรานั้นเต็มไปด้วยความหลากหลายอย่างไม่มีสิ้นสุด
หากมองในมุมของทฤษฏีเควียร์จะพบว่า นิโมนาได้นำเสนอภาพแทนความแตกต่างหลากหลายไว้ทุกอณู ทั้งแบบตรงไปตรงมาและผ่าน subtext ต่าง ๆ ตลอดเรื่อง ความเป็นอื่นอย่างการเป็นสามัญชนสู่อัศวินของบัลลิสเตอร์ทำให้เขาถูกตีตราให้กลายเป็นคนชายขอบต่อพวกพ้องและประชาชน ตลอดจนความกังขาต่อระบบที่เป็นอยู่ก็ผลักให้เขาเป็นพวกขบถที่สังคมไม่อาจยอมรับ และนำไปสู่ความพยายามในการขจัดทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้ ขณะเดียวกันเส้นทางการใช้ชีวิตของนิโมนาเองก็ไม่อาจเป็นตัวเองได้อย่างเต็มร้อย หากต้องการเข้าพวกหรือเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศที่ปกครองโดยเหล่ามนุษย์
นอกจากนี้ทั้งบัลลิสเตอร์และนิโมนายังเป็นตัวละครเควียร์ในอุดมคติของเรา เพราะในขณะที่บัลลิสเตอร์และแอมโบรเชียสอยู่ในความสัมพันธ์แบบชายรักชาย นิโมนาเองก็เป็นตัวแทนของกลุ่มคนข้ามเพศ นอนไบนารี ตลอดจนกลุ่มผู้ปฏิเสธบรรทัดฐานทางเพศ (Gender nonconforming) ในโลกที่ยังยึดโยงกับกรอบสองเพศ การปรากฎตัวของพวกเขาเป็นเหมือนยาใจในวันที่หันไปทางไหนก็เจอแต่รุ้งเทียมทั่วฟ้า แต่กลับไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แม้จะมีสื่อบันเทิงเกี่ยวกับเควียร์เกิดขึ้นมากมาย สื่อบันเทิงน้ำดีที่สามารถนำเสนอประสบการณ์ของผู้มีความลื่นไหลทางเพศอย่างแท้จริงและจริงใจกลับมีเพียงแค่หยิบมือ
ดังนั้นหากเป้าหมายของเควียร์ คือการกระเทาะเปลือกสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานทางสังคมทั้งหมด เราก็อยากยืนยันว่า นิโมนานำเสนอออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
วางดาบลงก่อน
การกินข้าวเคล้าน้ำตาเพราะดูการ์ตูน เพื่อมาอ่านหนังสือแบบตาบวมอีกครั้งอาจฟังดูไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เท่าไร แต่เชื่อเถอะว่า ประสบการณ์ครั้งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและการโอบกอด ที่หากย้อนกลับไปได้เราคงอยากดูและอ่านมันใหม่เป็นครั้งแรกอีกหลาย ๆ ครั้ง
คุณไม่จำเป็นไม่ต้องอาศัยอยู่ในยุคอัศวินที่มีการปกครองแบบพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรืออยู่ในโลกที่มีสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่พ่นไฟได้จึงจะสามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวเหล่านี้
ในโลกชีวิตจริง คุณอาจเป็นผู้มีอำนาจที่ไม่ได้ถูกนิยามไว้อย่างจำกัดอย่างการเป็นผู้บัญชาการทหาร แต่อาจเป็นผู้ถือครองอำนาจในบางมิติของสังคม คุณอาจเป็นคนที่มีอภิสิทธิ์สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่ได้มากกว่าผู้อื่นแต่กำเนิด อย่างการมีโอกาสได้เข้าถึงการศึกษา การไม่ถูกตีกรอบที่จะรักใครชอบใคร สามารถเข้าถึงสิทธิการสมรสได้โดยมิต้องร้องขอ หรือคุณอาจเป็นปุถุชนทั่วไป ชาวบ้านท่านหนึ่งในสังคมที่ไม่ว่าใครก็ไม่เท่ากัน และบางวันก็อาจหมดหวังถึงความเท่าเทียม
ไม่ว่าคุณจะรู้สึกเชื่อมโยงกับนิโมนาในรูปแบบใด เราเชื่ออย่างสุดใจว่า การเดินทางออกจากขนบของสองคู่หูจะจุดประกาย โอบกอด และปลอบประโลมผู้คนหลากอัตลักษณ์และประสบการณ์ให้กลับมาวาดฝันถึงโลกและสังคมใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้
เป็นสังคมที่ไม่ตัดสินใครเพียงเพราะความแตกต่าง
เป็นสังคมที่ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่
เป็นสังคมที่เด็ก ๆ ไม่ถูกสอนว่า ตัวเองสามารถเป็นฮีโร่ได้ ด้วยการเอาดาบแทงทะลุหัวใจของสิ่งที่ไม่เหมือนตัวเอง
หนังสือ: Nimona
นักเขียน: ND Stevenson
สำนักพิมพ์: HarperCollins
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน)ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี