การเปิดตัว Restart Thailand ของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และโลโก้ RT ที่คล้ายสัญลักษณ์ค้อนเคียวและคำอธิบายของการขับเคลื่อนประเด็นสังคมนิยมในระบอบประชาธิปไตย เพื่อแก้ปัญหาประเทศไทยในมุมมองคนรุ่นใหม่ นำไปสู่การถกเถียงถึงความเหมาะสม เสียขบวน เพ้อฝัน หรือปลุกปีศาจความหวาดกลัวและเป็นอื่นของสังคมไทย
Decode ต่อสายตรงสัมภาษณ์ คุณอธึกกิต แสวงสุข คอลัมนิสต์เจ้าของนามปากกา “ใบตองแห้ง” ถึงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวผ่านมุมมองอดีตคนเคยเข้าป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์
“อย่าพูดให้มันไร้เดียงสาเกินไป เขาต้องศึกษาข้อมูล พยายามถกเถียงต่อว่าควรไปต่ออย่างไรในสังคมไทย” อธึกกิต แสวงสุข
คิดอย่างไรกับการประกาศขับเคลื่อนประเด็น Restart Thailand ของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่ถูกมองว่าคือความเพ้อฝันเป็นไปไม่ได้
ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องดีที่มีคนรุ่นใหม่สนใจเรื่องนี้ แต่เราจะบอก จะท้วงเพราะรู้สึกว่า “เพจเยาวชนปลดแอก” เป็นเหมือนตัวแทนของม็อบ เหมือนตัวแทนของแกนนำทั้งหมด พอพูดแบบนั้น คนก็เข้าใจผิดว่าเป็นอุดมคติของม็อบคนรุ่นใหม่และแกนนำม็อบทั้งหมดแล้วถูกนำไปโจมตี ถ้าบอกว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอกแยกตัวออกมาสร้างเพจใหม่ แล้วเผยแพร่ความคิดนี้ มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เขาเป็นตัวแทนของม็อบมาก่อน พอประกาศแบบนั้นทันที คนก็เข้าใจว่าแกนนำทั้งหมดคิดแบบนั้น เราเลยท้วงอันนั้นมันไม่ดี อีกทั้งคำอธิบายก็ไม่ได้ดีพอที่จะทำความเข้าใจภายใน 2 หน้ากระดาษ
ถ้าศึกษาเอาสังคมนิยมประชาธิปไตยมาใช้ก็ไม่ควรพูดแบบนี้ การพูดแบบนี้ทำให้คนตกใจ ทั้งฝ่ายขวาและคนฝ่ายประชาธิปไตยเองด้วย เพราะคนในฝ่ายประชาธิปไตยส่วนใหญ่ในช่วงหลังมานี้มีความรู้สึกไม่ดีต่อจีน เนื่องจากรัฐบาลประยุทธ์ที่อยู่มา 6 ปีกว่า ตั้งแต่รัฐประหาร 2557 มีความสัมพันธ์ทีใกล้ชิดกับจีนมาก และกลุ่มนิยมรัฐประหาร นิยมรัฐบาลประยุทธ์ก็พยายามโฆษณาว่า เพราะจีนเป็นระบอบพรรคเดียวเป็นเผด็จการจึงประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นคนเลยต่อต้านจีน ไปเชียร์ไต้หวัน จนเกิดพันธมิตรชานม ในแง่หนึ่งคือ การทำความเข้าใจกับคนในขบวนประชาธิปไตยในยุคปัจจุบันมีความหลากหลาย เรื่องที่มาที่ไปของคอมมิวนิสต์หลายร้อยกว่าปีก่อนเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันยาว
ในมุมผมที่เคยเข้าป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์ ผมกลับเข้าใจสาเหตุที่จีนเป็นไปได้ พรรคคอมมิวนิสต์ก็มีด้านดี มีความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ทันสมัยตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนที่ไม่เชื่อเรื่องเทวนิยม ไม่เชื่อพระเจ้า ไม่เชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจ ชาตินี้ชาติหน้า มันมีด้านที่ก้าวหน้าและด้านที่ผิดพลาดคือการบริหารเศรษฐกิจแบบพยายามที่จะทำให้ทุกคนเท่ากัน ไปบังคับความคิดคน เอาคนไปคุมขังเพื่อปรับทัศนคติ ซึ่งระบาดไปทั่วโลก กวาดชาวบ้านขึ้นไปศึกษาทฤษฎี 15 วัน 7 วัน โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาจะเปลี่ยนความคิด ลักษณะแบบนี้คือความผิดพลาดของคอมมิวนิสต์ที่ทำให้เศรษฐกิจล่มสลายมาแล้ว แต่พอเขาปรับตัวไปแล้วก็เดินหน้า โดยพรรคคอมมิวนิสต์ทำให้เกิดทุนนิยมโดยรัฐ ประสิทธิภาพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีระบบจัดตั้งที่เข้มแข็ง มีการพัฒนาหลายอย่างที่มันไปไกลกว่า ผมไม่ได้บอกว่าดีกว่าประชาธิปไตย แต่ความต่างคือจีนมีด้านก้าวหน้าเลยพยุงตัวเองอยู่ได้ เศรษฐกิจก็มีเงื่อนไขหลายอย่าง
ภาพรวมที่ผ่านมาคนเชียร์รัฐประหารไทย เชียร์จีนแต่เกลียดค้อนเคียว พอเยาวชนปลดแอกเสนอแนวคิด Restart Thailand ก็ด่า ในขณะที่ฝ่ายประชาธิปไตยเองค่อนข้างจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับจีน รวมไปถึงคนที่ออกจากป่าทั้งหลายจำนวนมากก็ไปสนับสนุนเผด็จการก็มีความไม่พอใจเกิดขึ้น
ปีศาจและความน่ากลัวของคอมมิวนิสต์กลายเป็นภาพจำเมื่อสังคมไทยพูดถึงสังคมนิยม บทสนทนาแบบไหนที่เราควรใช้พูดถึงสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์
ผมเข้าใจว่าเขาเองก็รู้ว่ามันไม่ใช่คอมมิวนิสต์แบบเดิมแล้ว แต่เขารีบพูดไปหน่อย ยังไม่ตีโจทย์ให้แตก เราต้องบอกว่าในโลกปัจจุบัน ไม่มีใครเอาคอมมิวนิสต์แบบเผด็จการ แบบจีนหรือเกาหลีเหนืออีกแล้ว แต่ที่ทุกคนต้องการคือ การเอาความคิดสังคมนิยมประชาธิปไตยมาปรับใช้ ซึ่งจะใช้อย่างไรก็เป็นโจทย์ที่ยาก คนถกเถียงกันเยอะว่าปัจจุบันชนชั้นในสังคมไทยหรือทั่วโลกไม่ใช่แบบยุคมาร์กซ์แล้ว เพราะปัจจุบันมีความหลากหลาย แรงงานส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวนาและกรรมกร อีกทั้งคนกลุ่มนี้ในไทยกลายเป็นพลังที่น้อยที่สุด แต่คนไทยที่ดิ้นรนกันมากตอนนี้กลายเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ประกอบการอิสระ เราจึงเห็นว่าคนที่ออกมาเรียกร้องสวัสดิการของคนรุ่นใหม่เป็นลูกของชนชั้นกลาง สิ่งที่เขาเติบโตไปคือเขารู้สึกว่า ชีวิตเขามันไม่สามารถที่จะต่อสู้กันไหวแล้ว มันเป็นภาระมากเกินไป
แม้แต่กลไกทุนนิยมปกติเรายังอ่อนแรงมากจนแทบจะไม่มีสหภาพแรงงานที่ต่อรองกับทุนและรัฐ เพราะสภาพแรงงานในปัจจุบันไม่ใช่กรรมกรในโรงงาน แต่เป็นการจ้างงานในรูปแบบใหม่เป็นแรงงานอิสระที่แทบจะไม่มีสวัสดิการอะไร ทุนแบบใหม่ที่มาจากเทคโนโลยีก็เริ่มขยายตัว การควบคุมพวกนี้จะต้องทำอย่างไร ควรเสริมสร้างทางกฎหมายหรือด้านอื่นอย่างไรเป็นสิ่งที่ต้องตีโจทย์ให้ละเอียดต่อไป
ผมคิดว่า เราอาจจะพูดยากว่าจะตกลงอย่างไร แต่ข้อดีอย่างหนึ่ง หลังจากเพจเยาวชนปลดแอกโพสต์ไปช่วงหนึ่งแล้ว ก็มีข้อถกเกียงในเรื่องนี้มาก มีคนยกตัวอย่างการทำงานของประเทศต่าง ๆ มีคนพูดถึงระบบสังคมนิยมประชาธิปไตยของสวีเดนที่น่าศึกษามาปรับใช้กับสังคมไทย
ขบวนการของคนรุ่นใหม่มีความคิดเรื่องความเป็นธรรมกับเศรษฐกิจ เขาไม่พอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะในปัจจุบันเห็นชัดว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงมาก ลักษณะของการผูกขาดของทุนนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นกระแสโลกตั้งแต่ช่วง 10 กว่าปีมานี้ วิกฤติเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นซึ่งปัญหาจากระบบทุนนิยม ทำให้คนคิดถึงแนวโน้มเรื่องสังคมนิยมประชาธิปไตยมากขึ้นในช่วงหลัง ผมคิดว่าเป็นกระแสโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย
บทเรียนจากความผิดพลาดของซ้ายไทยในอดีต ทำให้เสียงของเยาวชนเป็นเรื่องเพ้อฝันถึงสังคมนิยมในอุดมคติ
ไม่ถึงกับเพ้อฝัน ผมเพียงแต่บอกว่า มันยังเป็นเรื่องที่เป็นทางเลือก ควรจะทำให้เป็นทางเลือกค่อย ๆ สร้างกันไป ถ้าพูดถึงฝ่ายซ้ายไทยในอดีตก็ต้องพูดว่าในโลกยุค 60-70 พรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตไม่ได้สู้กับประชาธิปไตย เผด็จการคือสิ่งที่คอมมิวนิสต์ในอดีตต่อสู้ ลักษณะการต่อสู้กับเผด็จการในอดีตมันปนกันหมดทั้งคนที่ต่อสู้เรื่องเสรีภาพ เรื่องประชาธิปไตย แทบจะแยกไม่ออกและถูกผลักไปรวมกัน เพียงแต่พรรคคอมมิวนิสต์เป็นขบวนการที่เข้มแข็งที่สุดในการสู้กับเผด็จการในยุคนั้น คอมมิวนิสต์จึงกลายเป็นผู้นำได้เกือบหมด ตอนเราเข้าป่า เราเห็นด้านของพรรคที่มีความคิดวิทยาศาสตร์ ความคิดเป็นเหตุเป็นผล หลายคนที่ออกมาถ้าตั้งตัวตั้งสติได้ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร
ด้านหนึ่งคนเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จะเป็นคนที่มีความอุดมคติสูง มีความมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงสังคม เปลี่ยนแปลงโลกและเสียสละค่อนข้างมาก เราก็อยู่ด้วยกันมาก็เห็นมาบ้าง แต่เราก็เห็นความผิดพลาดของมันด้วย เพราะมื่อมีปัญหาระบบจะ “เชื่อพรรค เชื่อจัดตั้ง”แสดงความเห็นและถกเถียงไม่ได้ มีความเป็นประชาธิปไตยน้อย
เมื่อเด็กใฝ่ฝันถึงสังคมนิยมประชาธิปไตย นักคิดในประเทศต้องช่วยกันถกเถียงหาทางให้มันเป็นจริง
อย่าพูดให้มันไร้เดียงสาเกินไป แต่เขาก็ต้องศึกษาข้อมูลแล้วก็พยายามที่จะถกเถียงเรื่องความคิดว่ามันควรจะไปต่ออย่างไร ในสังคมไทยมีอะไรซับซ้อนแบบไหน แล้วควรจะคิดวิเคราะห์แบบไหน และต้องมีนักเศรษฐศาสตร์มาคุยกัน เราปฏิเสธทุนนิยมดื้อ ๆ ไม่ได้ อย่างไรเราก็ต้องอยู่กับทุนนิยม แต่เราต้องมีการควบคุมให้ได้ มีการรองรับเรื่องสิทธิ สวัสดิการ รองรับเรื่องช่องทางทำมาหากินของรายเล็กรายน้อย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันต่อไป ผมว่าเยาวชนปลดแอกต้องแปรปัญหา แปรแนวคิดให้เป็นรูปธรรมว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้างในสังคมไทย
เด็กเขามีความใฝ่ฝัน พวกนักเศรษฐศาสตร์หรือนักคิดวิจัยคงต้องช่วยกัน อย่างที่ผมบอกไปว่ามันไม่ง่าย ผมก็ยังมองไม่ออก แต่ผมคิดว่ามันเป็นความต้องการของประชาชนแล้ว
แม้ลักษณะของชนชั้นในสังคมแตกต่างกันแต่สิ่งที่คนต้องการร่วมกัน คือเรื่องรัฐสวัสดิการที่ดี เราไม่ได้จะบอกว่าเราจะไปสู่สังคมนิยมประชาธิปไตยแบบที่รัฐบาลคุมรัฐวิสาหกิจเองหมด เราไม่ได้ต้องการแบบนั้นเหมือนในอดีต