ฉันในวัย 14 ปีที่ค้นพบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นหนังสือของพ่อ ลงเอยด้วยการได้มาเป็นสมบัติล้ำค่าของตัวเอง แรกเริ่มที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันในวันนั้นที่ไร้ซึ่งความเข้าใจว่า “ความฝัน” มีความหมายอย่างไรต่อการใช้ชีวิต หนังสือ “The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน” ถูกวางนิ่งมาหลายปี ก่อนสัญญาณบางสิ่งที่ได้จากการกลับไปค้นหนังสือในวัยเยาว์ บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องกลับมาเดินตามเส้นทางของตำนานชีวิตตัวเอง งานเขียนเป็นสิ่งที่อยู่กับชีวิตมานับตั้งแต่วัยเรียน ยอมรับกับหัวใจดวงเล็กว่าอาชีพนักเขียนจะเป็นโชคของผู้เริ่มต้นในวัย 22 ปี แม้จะเจ็บปวดว่าไม่ตรงกับคำบอกเล่าของใครหลายคน บอกว่าฉันเป็นสิ่งนี้ เป็นสิ่งนั้นได้ แต่ไม่มีใครบอกกับฉันว่าจงเป็นสิ่งที่เธออยากเป็น วันนี้จึงบอกตัวเอง เดินตามความฝันที่จะเป็นนักเขียนต่อไป
คงไม่ต่างกับซานติอาโก ชายหนุ่มเลี้ยงแกะในทุ่งหญ้าแคว้นอันดาลูเซียของสเปน ที่เพียงหวังว่าวันหนึ่งจะได้ออกเดินทางไปยังต่างแดน แม้พ่อจะบอกว่าอาชีพเลี้ยงแกะเป็นอาชีพที่ได้เดินทางมากกว่าใครในหมู่บ้าน แต่ความฝันที่ผุดเข้ามายามค่ำคืนถึงขุมทรัพย์ในพีระมิดกลางทะเลทราย พร้อมกับคำพูดของชายชราที่อ้างตัวว่าเป็นกษัตริย์แห่งซาเล็ม ณ จตุรัสใจกลางเมือง ย้ำเตือนให้ซานติอาโกตัดสินใจออกเดินทางไปตามหาขุมทรัพย์ แลกแกะของเขากับพระราชาเพื่อตั๋วใบเดียวไปยังแทนเจียร์ เมืองต่างแดนที่นั่งเรือเพียงสองชั่วโมงจากตารีฟาเมืองเกิดของเด็กหนุ่ม
บททดสอบของผู้ออกเดินตามตำนานชีวิต
ก้าวแรกในต่างแดนไม่ได้ราบรื่น เงินทั้งหมดหายไปพร้อมกับโจรที่แฝงตัวมาเป็นสหาย แต่โชคของผู้เริ่มต้นทำให้เด็กหนุ่มได้พบกับชายขายเครื่องแก้วเจียระไน อาชีพขายแรกในแดนไกลให้ซานติอาโกได้มีเงินเดินทางไปยังพีระมิด มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นชายอังกฤษที่ฝันจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ พบรักกับฟาติมะห์ ผู้หญิงแห่งทะเลทรายที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์ที่ตามหา หลังจากนั้น การเดินทางเพื่อความฝันจึงมีความรักของเธอคอยหนุนนำให้เดินก้าวไปอย่างอิสระเหมือนสายลมที่พัดเนินทราย
มีหลายช่วงเวลาที่ซานติอาโกถอดใจจะเดินทางไปยังพีระมิด เขามีเงิน มีความรัก และนั่นก็เพียงพอให้ซานติอาโกเดินทางกลับไปตารีฟาพร้อมกับคนรัก มีแกะมากกว่าที่เขาเคยมี เป็นธรรมดาที่เรากลัวการแลกความฝันกับสิ่งที่เราได้มาแล้วทั้งหมด แต่หากรู้จักหัวใจของตัวเองดี เราจะไม่มีวันทรยศเพราะรู้ว่าความฝันและความต้องการของตัวเองคืออะไร และจะจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
“เราก็ไม่ต่างจากทุกคน ที่เห็นโลกอย่างที่อยากจะให้มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่มันเป็น”
เมื่ออ่านถึงบรรทัดนี้ ตอกกลับมาที่หัวใจของเรา เราพึงใจกับสิ่งที่มีในวันนี้ และรู้ว่าหากจะต้องเดินตามความฝัน ย่อมมีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน แลกกับความร่ำรวย การห่างไกลคนรัก ชีวิตที่เรารู้ว่าในวันพรุ่งนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวาน นั่นเป็นเหตุผลให้ใครหลายคนไม่เลือกที่จะเดินทางตามความฝัน เหมือนกับชายขายเครื่องแก้ว ที่ต่อให้ร้านของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีเงินทองมากมาย เขาก็ไม่เดินทางไปเมกกะ รักร้านของเขาจนไม่อาจทิ้งไปได้เป็นเวลานาน ชีวิตของชายขายเครื่องแก้วมีความฝันในชีวิตเหลือเพียงหนึ่งสิ่งคือการไปเมกกะ แต่ก็กลัวว่าเมื่อได้ทำตามตำนานชีวิตจะเป็นความผิดหวังรุนแรง กลัวว่าเมื่อความฝันเกิดขึ้นจริงแล้ว จะไม่มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อ เขาจึงไม่ยอมแลกความกลัวนั้น พอใจที่จะฝันถึงสิ่งที่ทำให้เขามีชีวิตก้าวเดินต่อไป
“เมื่อเราอยากได้อะไรสักอย่าง ทั่วทั้งจักรวาลจะดลบันดาลเพื่อให้เราสามารถทำตามความฝันของตนให้กลายเป็นจริง”
จริงหรือที่เราจะได้ในทุกสิ่งที่เราวาดหวังในชีวิต จริงหรือที่เพียงเราคิดถึงสิ่งที่ต้องการ เราจะสมปรารถนาดั่งใจหวัง
ไม่หรอก คงไม่เกิดกับฉัน คงไม่เกิดกับซานติอาโก และคงไม่เกิดกับใครหลายคนอีกมากที่เดินตามตำนานชีวิตของตน ไม่เช่นนั้นเด็กหนุ่มคงพบขุมทรัพย์ที่ท้ายที่สุดแล้วฝังไว้ยังโบสถ์ร้าง ที่หลับนอนยามเป็นชายเลี้ยงแกะ บ้านเกิดที่เขาใช้ชีวิตมาตลอดหลายปีโดยไม่ต้องออกเดินทางไกล แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการได้เดินทางไปเจอชายขายเครื่องแก้ว นักเล่นแร่แปรธาตุ เดินทางข้ามทะเลทรายเพื่อไปเห็นพีระมิด มีความรักที่ช่วยลบเลือนความกลัวในหัวใจ เชื่อมั่นว่าเขาจะกลับคืนมา จะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้เดินตามตำนานชีวิตของตัวเอง และเราไม่เคยเลือกผิดที่ได้เดินทาง
“มุกทูบ”
อาจต้องเป็นคนอาหรับจึงจะเข้าใจ แปลได้ว่าถูกลิขิตเอาไว้แล้ว เราชอบเชื่อกันว่าทุกอย่างในชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว เหมือนกับการทักทายและบอกลาขอบฟ้าของพระอาทิตย์ แต่ชีวิตที่สมปรารถนา ไม่ได้มาเพราะการถูกลิขิตเพียงเท่านั้น ใจเราต่างหากที่ไม่เอนเอียงไปกับความกลัว ไม่หวั่นไหวไปกับความล้มเหลว และยังพยายามที่จะทำตามความฝันของตัวเอง เราชอบปล่อยให้ความฝันอยู่ในความคิด อยู่ในหัวใจ แต่ไม่เคยได้ลงมือทำตามความฝัน แปลกนักที่เมื่อความฝันเกิดขึ้น ความกลัวก็มักเข้ามาทักทายเหมือนเงาตามติด จะว่าอ่อนแอก็คงไม่ใช่ เราเพียงเลือกแล้วต่างหาก
“ใช่” หรือ “ไม่”
มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่เราได้เลือก คำตอบจากสัญชาตญาณ จากก้นบึ้งของใจ ยิ่งใหญ่กว่าใครมาขีดเขียนกำหนดไว้
“ใครที่สืบสานตำนานชีวิตของตัวเอง จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้ความฝันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นั่นคือ ความกลัวต่อความล้มเหลว”
ไม่มีความพิเศษต่อการกลัวความล้มเหลว เกิดขึ้นกับใคร เมื่อใดก็ได้ที่เดินตามความฝัน น่าทึ่งที่ว่า เลือนหายไปได้ด้วยความรัก รักที่รอคอยให้เราได้ทำตามความฝัน รักที่อวยพรให้เราก้าวข้ามผ่านไปยังขุมทรัพย์อย่างราบรื่น รักที่ส่งภาษาบอกกับเราว่าตราบใดที่ทะเลทรายยังคงเหมือนเดิม ความรักจะยังเป็นเช่นนั้น หากปราศจากความรัก ความฝัน ความกลัวคงไร้ความหมายใดต่อใจเรา
แด่ความรัก ที่ไม่เคยเหนี่ยวรั้งใครจากตำนานชีวิต
แต่ใครเล่าที่บอกว่าใจเรามั่นคง กลับกัน ชอบทรยศต่อความฝัน เข้ามาแบบไม่ทันคาดคิด สิ่งดีเดียวของความอ่อนไหว คือใจเรายังมีชีวิต มีความรักที่รอคอยให้เรากลับไป หล่อเลี้ยงหัวใจให้ไปตามฝัน แต่หลายครั้งเราก็ชอบคิดว่าการได้เจอกับคนที่รักตั้งแต่ยังไม่เคยได้พบหน้า รักโดยไร้เหตุผล เป็นขุมทรัพย์ที่ล้ำค่ากว่าสิ่งใด เราเลยเลือกที่จะไม่เดินทางตามตำนานชีวิต ปล่อยให้เป็นความฝันต่อไป เพราะแค่การได้รัก และได้รับรักตอบกลับมา ก็สุขเหนือสิ่งใด
แต่ความรักไม่เคยขอให้เราอยู่ ความรักที่แท้จริงไม่เคยขอให้ใครหยุดลงมือทำตามความฝันของตัวเอง ความรักที่แท้จริง คือการไม่ยอมให้ใครก็ตามละทิ้งความฝัน เมื่อมีความรัก เราย่อมอยากเป็นคนที่ดีกว่าเสมอ หากว่ารักใดเหนี่ยวรั้งเราไว้ เป็นรักที่ไม่ผสานเป็นส่วนหนึ่งของตำนานชีวิต นั่นก็เพราะว่าไม่ใช่รักที่แท้จริง ความรักนำพาสองคนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เมื่อการรอคอยสิ้นสุดลง ลมทะเลทรายพัดพาเด็กหนุ่มกลับไปหาหญิงสาวอีกครั้ง
ชีวิตซานติอาโกคงเรียบง่ายถ้าเขากลับไปเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ถ้าหากไม่เดินทางตามตำนานชีวิต หากไม่มีสัญญาณจากความฝันถึงพีระมิดในดินแดนที่ห่างไกล เขาก็ยังคงอยู่ในตารีฟาบ้านของเขา แต่ทุกอย่างถูกลิขิตไว้ และเด็กหนุ่มก็เดินตามสัญญาณที่ปรากฏ ฟังภาษาของโลกนี้ด้วยหัวใจ
หินแห่งปรัชญาของชายนักเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่าต้องแยกกำมะถันอย่างไร ไม่ได้ทำให้มีอายุยืนยาว ไม่ได้ทำทองคำได้จากหินบริสุทธิ์นี้ และไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะไม่ใช่ตำนานชีวิตของเขา แต่การแปรธาตุ ทำให้เด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนความกลัวในหัวใจ เป็นพลังบริสุทธิ์ในการเดินทางตามความฝัน
ช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด คือช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
คงเป็นสิ่งที่อยากบอกกับฉัน กับทุกคน ที่ล้วนเดินทางตามตำนานชีวิตของตัวเอง ถ้าหากคุณได้เริ่มทำตามความฝันแล้ว นั่นหมายถึงว่าคุณโชคดีที่ไม่ต้องรอไปอีกสิบปี ฉันไม่แปลกใจในวันนี้ ที่สิบปีก่อนฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่จบ ฉันไม่ได้อยู่ในวัยช่างฝัน เห็นสัญญาณการมีอยู่ของตำนานชีวิต คงเพราะเติบโต คงเพราะเห็นแสงอรุณริมขอบฟ้า รู้ว่าไม่มียามใดที่จะมืดมิดไปตลอดกาล รู้ว่าเก็บซ่อนความฝันไว้ในหัวใจ มีอยู่เสมอมา ฉันไม่รอคอยให้ความกลัวกลับมาครอบงำฉันแล้ว แต่ไม่สิ้นเวลาไปเปล่าหรอก อย่างน้อยถ้าต้องสูญสิ้น ฉันก็บอกกับตัวเองได้ว่า ได้เดินทางตามตำนานชีวิตของฉันแล้ว
ถ้าหากใจของคุณทรยศ ฟังเสียงของหัวใจคุณไว้ บอกกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า
“สิ่งที่เลวร้ายกว่าความเจ็บปวด คือการกลัวความเจ็บปวด และไม่มีใจดวงใดเจ็บปวดเมื่อออกเดินตามหาความฝันของตัวเอง”
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี
PlayRead: The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน
ผู้เขียน: เปาโล คูเอลญู
แปล: กอบชลี และ กันเกรา
สำนักพิมพ์: นานมีบุ๊คส์