ดึกดื่นเท่านั้นที่เราจะสามารถมองเห็นดาวสกาว - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

เราเป็นประเทศที่ไม่สนใจเรื่องชีวิต เราไม่คุยกันเรื่องชีวิต มองไม่เห็นชีวิต และไม่เข้าใจชีวิต 

มิหนำซ้ำในตอนยังเด็กเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเด็ก ได้เรียนรู้ชีวิตเอง ได้เที่ยวเล่น ทำผมสีต่าง ๆ แต่งตัวแฟชั่น คอสเพลย์การ์ตูน นักร้อง ดารา คบหาเพศตรงข้ามตามวัย ได้ลองผิดลองถูกซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าใจชีวิต ถึงวัยทำงานก็เอาแต่ทำงาน เป็นหนึ่งในประชาชาติที่ทำงานมากชั่วโมงที่สุดในโลกโดยยังไม่รวมการเดินทางไปกลับในการจราจรติดขัดสาหัสถ้าอยู่ กทม. เราสังสรรค์ พักผ่อนท่องเที่ยวแบบผิวเผิน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีงานอดิเรก เมื่อมีครอบครัวมีลูกก็ทุ่มเทเวลาที่เหลือทั้งหมดให้กับการดูแลพ่อแม่แก่เฒ่าและลูก ๆ  

พอแก่ตัวเกษียนก็ไม่รู้ว่าจะทำกิจกรรมอะไรให้มีคุณค่าเหมือนคนแก่ชราทั่ว ๆ ไปในโลก เพื่อที่เมื่อถึงเวลา…ก็จะได้ละทิ้งชีวิตที่แสนงดงามและมีความหมายเอาไว้เบื้องหลัง

มิหนำซ้ำยังถูกทุนนิยมกระหน่ำโฆษณาบดบังความเข้าใจเรื่องการแก่ตัวด้วยมายาคติมากมาย เราถูกทำให้รู้สึกว่าการแก่ชราคือ ’ไม่มีอะไรดี’ ถึงกับพูดกันติดปากว่ารูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากตอนวัยหนุ่มสาวเป็น ’ความเสียหาย’ ผมหงอก ผิวหยาบกร้าน หน้าอกหย่อนคล้อย บั้นท้ายห้อยยาน ตามมาด้วยการถูกทำให้เชื่อว่าการแก่ตัวคือความเจ็บป่วยเสื่อมสลาย  การสะสมไขมันเป็นความผิด  ความเมื่อยล้ากำลังวังชาที่ถดถอย  สายตาที่เริ่มมองไม่ชัด การป่วยไม่สบายง่าย ความคิดอ่านเชื่องช้า ฯลฯ คือความผุพัง ทั้งๆ ที่อาการเหล่านี้อาจเริ่มปรากฏได้ตั้งแต่อายุราวๆ สี่สิบ และใช้เวลานานอีกกว่ายี่สิบปีจนถึงอายุหกสิบพัฒนาไปจนถึงจุดที่รู้สึกได้ชัดเจน

แย่กว่านั้นหลายคนยังเริ่มคิดว่าตัวเองแก่เฒ่ากันตั้งแต่อายุสามสิบแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งหากสมมติว่าเราตายเมื่ออายุแปดสิบซึ่งเริ่มเป็นอายุปกติที่คนตายมากขึ้นทุกที ก็แปลว่าเราจะอยู่กับความเชื่อว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ ’ไร้ค่า’ ไม่มีอะไรดียาวนานถึงสี่สิบปี มีสัดส่วนยาวนานถึงครึ่งชีวิต

ที่สำคัญยังเหมารวมเอาความเปลี่ยนแปลง ความแก่เฒ่า การป่วยไข้ และการใกล้ความตายเป็นเรื่องเดียวกันด้วย

โดยที่เราไม่รู้ตัว โฆษณาสถานเสริมความงามและอาหารเสริมต่างหากที่ทำให้สังคมสร้างมาตรฐานความงามขึ้นมา และทำให้เรามองเห็นความงามกับความเยาว์วัยเป็นสิ่งเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่ คนสามารถสวยงามได้ตามประสาในแบบต่าง ๆ และตามวัย เราไม่เห็นความงามของรอยยับที่ปลายหางตา รูปร่างสีผมที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องพูดถึงว่าเราปิดตา ไม่มองประกายความงามที่ฉานฉายเข้มแข็งของความมีสติปัญญาและประสบการณ์ รวมทั้งความอบอุ่นนุ่มนวลที่มีแต่คนผ่านโลกเท่านั้นจะมี

แน่นอน เรามองไม่เห็นคุณค่าด้านอื่น ๆ ของชีวิตในช่วงวัยต่าง ๆ

มันเป็นโฆษณายาย้อมผมที่ทำให้เรามองไม่เห็นความสวยของผมสีดอกเลา หรือขาว และเชื่อว่าผมสีดำเท่านั้นที่ดูเป็นคนแข็งแรงสุขภาพดี และผมสีขาวคือคนใกล้ความตาย ทั้ง ๆ ที่คนผมหงอกขาวไม่ได้ใกล้ความตายขนาดนั้น มีคนมากมายมีผมหงอกขาวตั้งแต่สามสิบและตายอีกครึ่งศตวรรษต่อมาเมื่ออายุแปดสิบ แต่เราก็เพียรย้อมผมปกปิดไม่ให้ตัวเองเห็น เพราะกลัวความคิดที่ว่าเราไม่เด็กแล้ว เแถมไม่ว่าจะย้อมบ่อยแค่ไหนผมเราก็จะยังคงหงอกเป็นสีขาวไปเรื่อย ๆ และมีเราคนเดียวที่ถูกหลอกว่ายังไม่ล่วงวัยไป

มันเป็นโฆษณาอาหารเสริมที่ทำให้เราเชื่อว่าสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นความผุพัง ทั้ง ๆ ที่เรายังมองเห็น  และมีแค่กระบอกตาที่เปลี่ยนเป็นทรงรียาว ซึ่งแค่ใส่แว่นก็ช่วยให้มองเห็นไปได้สบาย ๆ อีกนาน มันเป็นโฆษณายาลดความอ้วนที่ทำให้เชื่อว่ารูปร่างเต่งตึงผอมเพรียวของคนหนุ่มสาวคือรูปร่างที่ใช่ ผิดจากนั้นไปคือความเสื่อม พอ ๆ กับที่ไขมันในหลอดเลือดคือเชื้อโรค

ราถูกทำให้ต้องวิตกกังวลมากมายกับความหลงลืม ทั้ง ๆ ที่การลืมช่วยลดการสะสมเรื่องไม่เป็นสาระในหัวไม่ให้มากเกินไปจนไร้พื้นที่เก็บจำเรื่องสำคัญ ๆ เรารู้สึกแย่เมื่อเริ่มนอนดึกไม่ไหว ทั้ง ๆ ที่การนอนดึกเกินไปทำให้เราพักผ่อนไม่พอ เราต้องรู้สึกไม่ดีที่จะใส่เสื้อผ้าใหญ่ขึ้นทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้าขนาดนั้นก็มีขายถมไปไม่ได้ขัดสนล่อนจ้อน เราถูกทำให้เชื่อว่าฝ้ากระ คือการเสื่อมสลายทั้ง ๆ ที่รังสียูวีเพิ่มสูงกว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนมากจากสภาวะเรือนกระจก

เราทำน้ำเสียงเศร้า ๆ เวลาบอกใคร ๆ ว่าเราแก่แล้ว แทนที่จะเฉลิมฉลองให้กับการย่างเข้าสู่วัยกลางคนเมื่อสี่สิบ และวัยชราเมื่อหกสิบ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นประหนึ่งเหรียญกล้าหาญ และการเอาชีวิตรอดมาได้ยาวนาน  ขณะที่มีผู้คนล้มหายตายจากมากมายรายทาง คือวีรกรรม

ในตอนวัยรุ่นเรามักได้รับคำชมว่าโตเป็นหนุ่ม/สาวแล้วนะ แต่ไม่มีใครชมเราว่าแก่แล้วนะ ยินดีด้วยที่มีผมสีขาวละออสวยงามไปทั้งหัว หรือตามัวลงบ้างจะได้มองไม่เห็นข้อบกพร่องและเปลือกนอกของตัวเองและคนอื่นชัดเจนเกินไป หรือหลงลืมอะไร ๆ ไปเสียบ้างในชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องไม่น่าจำและไม่อยากจำมากมาย

เราชื่นชมยินดีเหลือล้นกับการที่คนสักคนจะถือกำเนิดเกิดมา และโศกเศร้าร้าวรานเหลือนแสนเมื่อใครสักคนตาย และลืมห้วงเวลาอันยิ่งใหญ่ตรงกลางระหว่างการเกิดและตาย …ห้วงเวลามหัศจรรย์ของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต …ชีวิตที่เหวี่ยงขั้วสลับหัวหางตลอดเวลาระหว่างความสุข ทุกข์ และไม่สุขไม่ทุกข์ ชีวิตที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนอยู่ในทุกช่วงวัยและเวลา

เราปิดตาไม่ยอมมองเห็นความงามลึกซึ้งของการล่วงวัยผ่านเวลา เพียงเพราะเราถูกทำให้รังเกียจการแก่ตัว ทั้ง ๆ ที่เราควรภาคภูมิใจกับการเปลี่ยนแปลง ไม่แตกต่างจากครั้งแรกเริ่มไปไหนมาไหนเองคนเดียวได้  วันที่ที่เรียนจบรับปริญญา แต่งงาน วันที่ลูก ๆ เกิดและได้เป็นแม่พ่อ …การได้เดินทางผ่านชีวิตถึงแต่ละหลักไมล์  

เรากำลังทำให้การแก่ตัวกลายเป็นความตาย ทั้ง ๆ ที่เรายังมีลมหายใจ ทั้ง ๆ ที่มีหลงใหลใฝ่ฝันมากมายให้เราค้นหา เสน่ห์มากมายของชีวิตให้ค้นพบ …โลกยังคงดำรงงดงามไม่ต่างจากตอนที่เรายังอายุน้อยเลยแม้แต่นิด

ชีวิตเหมือนวัน …รุ่งสาง เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ ดึก แต่ละช่วงมีความงามบรรเจิดที่เป็นเอกลักษณ์ ทดแทนกันไม่ได้

มีแต่ตอนดึกดื่นมืดมิดเท่านั้น ที่เราจะได้เห็นดาวสกาว