มหกรรมแย่งชิงทรัพยากรมนุษย์ - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

ห่วงเด็กรุ่นใหม่

บางหน เวลาคุยกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อน ๆ จะแสดงความห่วงใยเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตใช้ชีวิตอยู่ในประเทศล้าหลัง ไม่ให้เกียรติ ไม่เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ และถูกกดทับในทุกทาง รวมทั้งการผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางการศึกษา การงาน ทรัพยากร มิหนำซ้ำมาตอนนี้ยังปล่อยให้เศรษฐกิจพัง ภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมก็พัง จนอย่าว่าแต่จะตั้งตัวได้เหมือนคนรุ่นก่อน ๆ แค่เอาให้รอดไปวัน ๆ ยังเลือดตากระเด็น 

นอกจากนี่จะเป็นทุกข์สาหัสของผู้ใหญ่ที่มีความเป็นมนุษย์หลายคน มันยังเป็นความรู้สึกผิดด้วยที่เราไม่สามารถหยิบยื่นชีวิตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไปได้ 

แต่มาตอนนี้ เมื่อมองความเคลื่อนไหวขนานใหญ่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในโลกหลังโควิดก็ไม่คิดเป็นห่วงคนหนุ่มสาวเท่าไหร่นักแล้ว แต่ห่วงตัวเองกับคนแก่เฒ่าของประเทศมากกว่า

เราอนาล็อกชนก็คิดอย่างชนอนาล็อก เราไม่ค่อยเข้าใจ …หมายถึงต่อให้พยายามก็ไม่สามารถจะเข้าใจได้หมดจด ว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้เป็นเด็กในจำกัดของพื้นที่เหมือนคนรุ่นเราอีกต่อไปแล้ว โลกทั้งใบไม่แค่อยู่ตรงหน้า …ในโทรศัพท์เครื่องเล็ก ๆ ที่เราถือดูในห้องเล็ก ๆ ของเรา ซ้อนทับมีมิติลงบนความจริงตรงหน้า สำหรับเจเนอเรชันที่เกิดพร้อมกับอินเทอร์เน็ตเขายังอยู่ ’ทุกที่’ ในโลกนี้ไปพร้อม ๆ กันในเวลาเดียวด้วย 

ในขณะที่เราสนใจแค่ข่าวดาราเตียงหัก รู้จักช่องทางเพียงแค่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของอินเทอร์เน็ต และยังติดอยู่ในอาณาบริเวณของประเทศไทย คนอีกรุ่นสามารถอยู่ที่หน้าเวทีดูคอนเสิร์ตมิลลิหรือลิซ่าในเวลาที่กำลังแสดงร่วมกับคนในนิวยอร์กและคนทั้งโลกได้ในเวลาเดียวกันและเวลานั้น ๆ …เรียลไทม์ พร้อม ๆ กับซึมซับวิธีคิด วิถีชีวิต แรงบันดาลใจ ความหลงใหลใฝ่ฝัน ความเป็นประชากรโลกข้างนอกนั่นร่วมกันไปพร้อมกัน และเราเห็นแต่พวกเขาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในบ้านกับเรา และคิดว่าเขาเป็นคนไทยคับแคบเหมือนเรา ทั้งที่วินาทีนั้นเขายังอยู่ที่โซล ลอนดอนและนิวยอร์ก  และเป็นพลเมืองโลกไปพร้อมกันด้วย

โลกที่ดำเนินซ้ำซ้อนกันหลายใบในหนึ่งจุดเวลาเป็นเรื่องดิจิทัล …ก็เหมือน ๆ กับโทรศัพท์ตกรุ่น คนรุ่นอนาล็อกหรือแม้แต่เซมิอนาล็อกไม่มีคอมแพทตบิลลิตี้หรือความสามารถในการอ่านและเชื่อมต่อ และแน่นอน…เราไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจ และจินตนาการถึงโลกในวันนี้ได้แจ่มชัด อย่าว่าแต่โลกข้างหน้า เราเชื่อว่าเราเห็นโลกที่เป็นจริงเพราะมันอยู่ตรงหน้าและสัมผัสแตะต้องได้ 

แต่โลกที่เราเห็นกลับไม่ใช่โลกที่เป็นจริงเลย โลกเป็นเรื่องของการรับรู้มากกว่า และเด็ก ๆ อยู่ในโลกทั้งใบในทางการรับรู้ ความรู้สึก นึกคิด 

แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือโลกไม่ได้จะพอใจแต่แค่เท่านั้น มันยังพยายามดึงคนหนุ่มสาวออกไปอยู่ในนั้นจริง ๆ ด้วย

ทุกประเทศในโลกกำลังเข้าสู่สังคมคนชราทั้งสิ้น แม้แต่กลุ่มประเทศมุสลิมก็ยังมีอัตราการเกิดลดลง การที่แม่หนึ่งคนจะให้กำเนิดลูกสิบถึงสิบห้าคนหมดไปแล้ว อย่างมากที่ยังพอเห็นได้คือลูกสามหรือสี่คน การไม่มีลูกหรือมีลูกโทนแค่คนเดียวคือครอบครัวปกติ 

ปัญหาเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับว่ามีประเทศหนึ่ง ๆ จะมีจำนวนประชากรมากหรือน้อย แต่อยู่ที่สัดส่วนของการเกิดและตายที่ไม่สัมพัทธ์กัน ประเทศจีนอาจดูมีประชากรมาก แต่ปรากฎว่านโยบายลูกคนเดียวที่ไม่มีความเป็นมนุษย์และไม่ฉลาดและยาวนานกลับทำให้ประชาชนเลือกเก็บเด็กชายเอาไว้มากกว่า จนทำให้สัดส่วนผู้หญิงต่อผู้ชายเหลือน้อยจนคนหลายสิบล้านไม่สามารถหาเมียได้ ส่งผลต่ออัตราการเกิดประชากร และแน่นอนความไม่สมดุลย์ของจำนวนคนหนุ่มสาวและคนชรา    

มองง่าย ๆ การเลือกมีลูกแค่คนเดียวเท่ากับคนหนึ่งคนจะต้องดูแลพ่อแม่สองคน คือหนึ่งต่อสองอย่างน้อย ยิ่งในประเทศไร้รัฐสวัสดิการเช่นนี้ คนคนนั้นอาจต้องดูแลตายายปู่ย่าที่อายุยืน รวมทั้งลุงป้าน้าอาซึ่งไม่มีครอบครัว หรือมีครอบครัวแต่ไม่มีลูกด้วย หรือลูกตาย หรือไม่สามารถดูแลพ่อแม่ตัวเองได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรไปด้วย   

โลกจะดูแลคนแก่จำนวนมากได้อย่างไร เราไม่ได้ต้องการแค่แรงงานมาดูแลคนแก่ใกล้ตายเท่านั้น หากยังต้องการคนในวัยเจริญพันธุ์มาสร้างจำนวนประชากร ป้องกันประเทศไม่ให้สูญพันธุ์ ยิ่งกว่านั้นคือสร้างเศรษฐกิจความอยู่ดีกินดี  ต้องการสติปัญญาความคิดที่มีประสิทธิภาพ เข้าในวิถีและความเป็นไปของโลกในอนาคตอย่างที่ว่าข้างต้น 

ขอยกตัวอย่างญี่ปุ่นค่ะ กว่ายี่สิบปีที่ญี่ปุ่นซึ่งมีทั้งความเฉลียวฉลาด ความสามารถ เศรษฐกิจที่ดี และฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพในประเทศต่าง ๆ เป็นทุนพื้นฐาน พยายามดิ้นรนที่จะกอบกู้ระบบเศรษฐกิจของตัวเองกลับมาอยู่ระดับต้น ๆ ของโลก แต่ก็ไม่สามารถ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากความแก่ของประชากรส่วนใหญ่โดยแท้  ประธานบริษัทอายุเก้าสิบเอ็ดยังทำงาน ตัดสินใจ กำหนดทิศทาง ทำสินค้าที่จะขายในโลกที่กำลังการหาเงินและใช้จ่ายอยู่ในมือคนอายุยี่สิบถึงสี่สิบ 

การมีความคิด นโยบาย และการบริหาร และทุกอย่างแบบแอนะล็อกในการอยู่รอดในโลกดิจิทัล สั้น ๆ ก็คือเป็นไปไม่ได้            

ประเทศต่าง ๆ เข้าใจเรื่องนี้ดี มีความคิดพื้นฐานทางสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดีกว่า ก็เริ่มขยับกันอย่างเข้มข้น  ด้วยการสร้างนโยบายดึงดูดคนหนุ่มสาวเข้าประเทศมาเป็นทั้งมันสมองและแรงงานรวมทั้งผลิตเด็ก ถ้าสังเกตจะเห็นว่าจู่ ๆ เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ หรือแม้แต่เยอรมันที่ขึ้นชื่อว่ายากไปหมดทุกเรื่อง ก็ประกาศให้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยแบบให้เปล่า ไม่ต้องใช้คืน เผลอ ๆ แถมค่าเครื่องบินค่ากินอยู่ให้เบ็ดเสร็จ ไม่พอเรียนจบยังลดระเบียบการขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ร่นระยะเวลาของการทำงานในประเทศให้สั้นลงเหลือแค่สองสามปีก็มีสิทธิ์ขอเป็นพลเมือง (Citizen)เป็นประชากรถาวรได้

คลิปเฉลิมฉลองจูบิลีครองราชสมบัติของควีนอลิซเบธแห่งอังกฤษที่ออกมาไม่กี่เดือนก่อนก็น่าสนใจ เป็นเรื่องควีนเชิญหมีเพดดิงตันมาร่วมโต๊ะน้ำชาด้วยกันที่พระราชวังบัคกิงแฮม แน่นอนว่าหมีแพดดิงตันก็ต้องไร้มารยาทและบ้งตามประสาหมี กระนั้นควีนก็ไม่โกรธ

แต่คนที่เคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้มาจะรู้ว่าแพดดิงตันไม่ใช่หมีอังกฤษ บังเอิญชื่ออังกฤษแพดดิงตันนั่นก็เพราะมันถูกเจอที่สถานีรถไฟแพดดิงตัน ความจริงมันเป็นหมีมาจากเปรู มันเป็นหมีต่างชาติ มันคือผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก สาสน์จากพระราชินีแห่งอังกฤษคือ อังกฤษขอต้อนรับผู้ลี้ภัยและคนต่างชาติ อังกฤษจะไม่สน็อพเจ้ายศเจ้าอย่างเดียดฉันท์อีกละ แม้แต่พระราชินีก็ยินดีกินเสวยน้ำชากับหมีป่าเถื่อนไม่มีมารยาทบ้งมาก ๆ และถึงจะต่างชาติก็ถือเป็นคนอังกฤษ คือมีชื่ออังกฤษ

ตบท้ายหนัก ๆ ด้วยการที่หลังจากแพดดิงตันทำเละเทะไปทั้งโต๊ะไม่มีอะไรกินกัน หมีก็ยื่นแซนด์วิชที่ซ่อนติดตัวเผื่อยาม ฉุกเฉินมาให้ควีน ควีนก็เปิดกระเป๋าเอาแซนด์วิชของตัวเองออกมา บอกฉันก็มีเหมือนกัน ฉันมีแผนสองดูแลตัวเองไม่ให้อดเสมอ การดูแลตัวเองไม่ให้ต้องหิวเป็นเรื่องสำคัญทั้งสำหรับเธอและฉัน ตัดจบด้วย We Will Rock You ของ Queens ซึ่งเป็นวงอังกฤษ ร้องโดย Adam Lambert ซึ่งเป็นอเมริกันเชื้อสายสเปน และยังเควียร์ด้วย เซิร์ชดูในยูทูบกันค่ะ       

นี่ยังไม่พูดถึงประกาศจ้างงานถี่ ๆ จากสถานทูตต่าง ๆ หรือกระทั่งมีจัด Job Expro ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน มีทั้งที่พัก สวัสดิการ ค่าจ้างไม่ต้องพูดถึง ต่อให้ปกติค่าแรงเขา เราซึ่งมาจากประเทศค่าแรงต่ำเตี้ยก็เรียกได้ว่าหรูหราตั้งเนื้อตั้งตัวได้ 

ไม่เกินเลยที่จะพูดว่าอย่าไปสงสารเด็ก ๆ เลย พอจะมองเห็นทิศทางมั้ย …โลกจะโอบกอดพวกเขาเอง  

เราควรสงสารตัวเองและคนชราที่โลกข้างนอกไม่สนใจจะอิมพอร์ตเอาไปทำปุ๋ยที่บ้านเขา จะว่าไปที่ใจร้ายกับเด็ก ๆ กันมากมาย ริดรอนบังคับกล้อนผมราวกับเขาไม่ใช่คน ปล่อยเขาให้โตกันไร้สุข ไม่สนุก ผูกขาดกันจนเขาไม่มีหนทางตั้งตัว เขาเรียกร้องชีวิตที่ดีกว่าก็ไล่เขาออกนอกประเทศเหมือนหมูหมาอย่างที่เราทำกันมาครึ่งศตวรรษนี่ก็ดีนะ 

พวกเขาจะได้ออกไปในโลกอย่างอิสระ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง อาลัยอาวรณ์หวนหาอะไร     


Thailand Talks พื้นที่พูดคุยสำหรับคนแปลกหน้าที่มีความเห็นแตกต่างกัน

เปิดลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม – 14 กันยายน 2565