คือยุคสมัยแห่งความเลวร้าย ความหวังสุดท้ายอยู่ที่คนรุ่นใหม่: ถาม-ตอบ ทางออกประเทศ กับ ส. ศิวรักษ์ - Decode
Reading Time: 2 minutes

โรคระบาด ผู้คนล้มตาย เศรษฐกิจตกต่ำ บ้านเมืองระส่ำระส่าย นี้คือยุคสมัยแห่งความเลวร้ายที่ประเทศต้องเผชิญปัญหามากมาย แต่รัฐบาลกลับแก้ไม่ตก ผลักสังคมไทยสู่ทางตัน คำถามเร่งด่วนจึงคือ ยังพอมีทางออกอะไรบ้าง? ยังฝากความหวังไว้กับใครได้? เพื่อให้คนไทย ‘รอด’ มากกว่า ‘ร่วง’

De/code ชวน ‘ส. ศิวรักษ์’ นักคิด นักเขียน เจ้าของฉายา ‘ปัญญาชนสยาม’ สนทนาหาทางออกให้ประเทศ ที่เสนอว่าไม่ใช่แค่ ‘ไล่’ กัปตันเรือ แต่ต้อง ‘รื้อ’ ทิ้งทั้งรัฐบาล พร้อมเน้นย้ำว่าทำเช่นนั้นได้ความหวังสุดท้ายอยู่ที่คนรุ่นใหม่ ซึ่งเติบโตมาอย่างตาสว่างด้วย ‘ความรู้’ และ ‘ความจริง’ จากสื่อกระแสรอง

De/code: ตั้งแต่อาจารย์เกิดมา คิดว่ายุคไหนเลวร้ายที่สุด?
ส. ศิวรักษ์: ยุคนี้แหละเลวร้ายที่สุดแล้ว เพราะแม้เราจะรัฐประหารมาหลายครั้ง แม้จะมีทหารปกครองบ้านปกครองเมืองมาหลายคณะ แต่ก็เลวร้ายไม่เท่ารัฐบาลนี้ ผมอยู่มาสี่แผ่นดิน ผมเห็นเลยว่าการปฏิวัติรัฐประหาร ที่เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2490 ครั้งนั้นก็จอมพลผิน ชุณหะวัณ ยึดอำนาจ จากนั้นก็จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจ แม้ล่าสุดพลเอกสุจินดา คราประยูรยึดอำนาจ แต่ไม่มีใครเลวร้ายเท่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์  พลเอกสุจินดาอย่างน้อยก็มีความสามารถ เขารู้เขาไม่ถนัดในการปกครอง ก็ไปเชิญคุณอานันท์ ปันยารชุน มาปกครองแทน หรือจอมพลสฤษดิ์จะโกงจะกินอะไรก็แล้วแต่ แต่เขาก็รักบ้านรักเมือง หาเทคโนแครตมาปกครองบ้านปกครองเมือง แล้วเขาไม่ก้าวก่ายเทคโนแครตเลย เช่นเชิญอาจารย์ป๋วยมาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย อันนี้เป็นความดีของสฤษดิ์ที่หาเทคโนแครตมาช่วยบริหารประเทศ ขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง


De/code: หากเปรียบไทยดั่ง ‘รัฐนาวา’ คิดว่าปัจจุบันเรือลำนี้ยังแล่นปกติอยู่ไหม?
ส. ศิวรักษ์: ‘รัฐนาวา’ เป็นคำอุปมาที่น่าสนใจ เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนที่ไทยเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส ในหลวงรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านเสียพระทัยมาก ไม่เสวยและทรงเขียนกลอนลาตาย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพก็เขียนตอบกลอนท่านไปว่าการเปรียบรัฐนาวาที่พระเจ้าอยู่หัวฯ ไม่ทรงทำอันใดเลยนั้นผิด เพราะนาวาต้องมีกัปตัน แล้วในหลวงรัชกาลที่ 5 พระองค์มีความสามารถเป็นกัปตัน ในหลวงจึงกลับมาเสวย และสู้ใหม่ พระองค์ตรัสว่าเรือจะจมหรือไม่จมนั้นอยู่ที่กัปตัน 

ถึงตอนนี้ถ้าเปรียบรัฐไทยเป็นเรืออีก แล้วมองพลเอกประยุทธ์เป็นกัปตัน เขาก็เป็นกัปตันที่กำลังทำให้เรือจม เพราะเขาไม่สนใจบ้านเมือง คิดหาเงิน หาทองอย่างเดียว เป็นกัปตันที่ใช้ไม่ได้ เป็นกัปตันที่ตาบอด มองอะไรไม่เห็นเลย แม้กระทั่งเรือดำน้ำก็ไปซื้อมาจากจีน ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรโปร่งใส

De/code: ยังพอมีทางออกอะไรบ้างที่จะช่วยให้เรือไม่จม?
ส. ศิวรักษ์: วิธีที่ดีคือเสนอให้ไล่ประยุทธ์ออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่นานเท่าไหร่ เรือก็จมนานเท่านั้น 

นั่นเพราะเรือที่คุณเปรียบเหมือนรัฐนาวานี้ คุณจะเปลี่ยนแปลงได้ก็ต้องไล่กัปตันออกไปก่อน จะหากัปตันใหม่มาอย่างไรก็ว่ากันอีกที แต่ต้องเอากัปตันที่ไม่ได้เรื่องออกไปก่อน และผมเห็นว่าการทำดังกล่าวนั้นต้องทำด้วยสันติวิธี อย่าใช้ความรุนแรงเพราะประชาชนไม่มีอาวุธ ทหารมีอาวุธ

เราจะสู้เขาได้ สู้ด้วยอาศัยการปลุกคนทั้งประเทศ คนทั้งโลก ให้เห็นว่าราษฎรถูกรังแกยังไงบ้าง อันนี้เอาชนะได้

ดูอย่าง ‘มหาตมะ คานธี’ เขาสามารถเอาชนะอังกฤษได้อย่างสันติวิธี ด้วยการปลุกระดมคนในอังกฤษให้เห็นว่าที่อังกฤษมาปกครองอินเดียนั้นผิด 


De/code: หากไม่ถึงขั้นไล่ออก จะให้คำแนะนำใดแก่รัฐบาลแทน
ส. ศิวรักษ์: แนะนำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะคุณประยุทธ์เขาไม่ฟัง ผมเขียนหนังสือ ให้สัมภาษณ์สื่อต่าง ๆ เขาก็ไม่ฟัง ผมตั้งชื่อหนังสือเล่มนั้นด้วยน่ะว่า ‘สีซอให้ประยุทธ์ฟัง’ แต่เขาก็ไม่สนใจอะไรเลย เขาดื้อแล้วด้านมาก ๆ 

แต่จริง ๆ ประยุทธ์ก็เป็นเพียงหัวเรือใหญ่ ถ้าจะไล่ต้องรื้อทั้งรัฐบาล เพราะประวิตรก็ไปด้วยกัน อนุพงษ์ก็ไปด้วยกัน สามคนนี้เป็นตัวร้ายที่สุด ส่วนคนอื่นเป็นเพียงเทคโนแครต แต่เทคโนแครตพวกนี้ไม่เหมือนอาจารย์ป๋วย ซึ่งไม่ลงให้กับนักการเมือง เป็นเทคโนแครตที่ทำเพื่อราษฎร ขณะที่เทคโนแครตรอบ ๆ ประยุทธ์ คนเหล่านั้นเป็นพวกประจบเจ้านาย เป็นเนติบริกร ไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมือง 

De/code: แล้วจะฝากความหวังในการเปลี่ยนแปลงเรือไว้กับใครได้บ้าง
ส. ศิวรักษ์: ผมเองไม่ได้หมดหวัง เพราะอย่างน้อยคนรุ่นใหม่ ออกมาท้าทายรัฐบาลมากขึ้น ผมจึงชื่นชมสื่อนอกกระแสหลัก ซึ่งให้ความคิดความอ่านแก่คนรุ่นใหม่ เพราะสื่อกระแสหลักตกอยู่ภายใต้อำนาจทุนนิยม บริโภคนิยม มอมเมาคนให้อยากรวย ให้อยากมีอำนาจ แม้ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็สอนอย่างเดียวว่าให้เป็นเจ้าคน นายคน ไม่สนใจความอยุติธรรมในสังคม ผมจึงดีใจว่าเด็กรุ่นใหม่ สนใจประเด็นการเมือง แสดงว่าเขาอ่านจากสื่อนอกกระแสหลัก และสมัยนี้ไม่เพียงแต่นักศึกษานะครับ นักเรียนตัวเล็ก ๆ มัธยม ที่เพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่ม แตกเนื้อสาว ก็ออกมาพูดจาฉะฉาน น่าฟัง ฉะนั้นบ้านเมืองจะอยู่ได้ก็เพราะคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้าหาญทางศีลธรรม และกล้าท้าทายรัฐบาลที่ฉ้อฉล รัฐบาลที่ไม่เอาไหน รัฐบาลที่มีแต่โกงและกิน

ผมจึงอยากให้กำลังใจคนรุ่นใหม่นะครับ แต่อยากเตือนว่าต้องอย่าใจร้อน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันไปได้เร็ว ต้องมีอารมณ์ขันด้วย 


ก่อนจบบทสนทนา ส. ศิวรักษ์ ทิ้งทายว่า ‘รัฐนาวาไทย’ ตอนนี้ปัญหาใหญ่คือมีโรคระบาด คนบนเรือเจ็บป่วยล้มตาย คนที่ทำงานหนักเพื่อช่วยคนบนเรือให้รอดก็คือ แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ซึ่งคนเหล่านี้เขาเสียสละมาก ๆ เสี่ยงโรค เสี่ยงภัยต่าง ๆ ถ้าไม่ได้คนพวกนี้มาช่วย เราคนไทยคงแย่มาก ฉะนั้นอย่ามองข้ามเขา ทุกคนที่ช่วยประชาชน คนยาก คนจน ให้นึกถึงบุญคุณเขา เขาเสี่ยงตายมาช่วยเรา ได้ค่าตอบแทนนิดเดียว คนที่ได้หน้าเอาไปหมด

คนที่ขายวัคซีนได้กำไรเยอะแยะ แต่คนปลายแถวไม่ได้อะไรเลย แต่พวกเขาก็ยังอุทิศตัวเพื่อผู้อื่นมาโดยตลอด


อ่านถึงตรงนี้คงเห็นทรรศนะของปัญญาชนสยามถึงทางออกของประเทศแล้วว่าถ้า ‘กัปตัน’ และ ‘กะลาสี’ ซึ่งล้วนรับเงินภาษีคนบนเรืออยู่ทุกวัน เป็นคนเก่ง มีศักยภาพ และทำเพื่อประชาชนบนเรือจริง ๆ รัฐนาวาไทยก็จะไม่ล่ม เพราะทั้งกัปตันและกะลาสีจะหาทางพาให้รอด ถ้าเรือมีรอยรั่วก็จะหาวัสดุที่ดีที่สุดมาอุด ถ้าคนบนเรือเจ็บป่วยก็จะหาหยูกยาดี ๆ มารักษา ไม่ปล่อยให้ใครตาย(โดยไม่ได้รักษา)แล้วโยนทิ้งทะเล เพราะเรือลำนี้ไม่ใช่เรือเอกชนที่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ แต่นี้คือเรือที่คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของและจ่ายเงินบำรุงร่วมกัน เจ้าของเรือจึงควรมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนเรือของตัวเอง

แต่ตามทรรศนะของ ส. ศิวรักษ์แล้ว วันนี้รัฐนาวาไทยกำลังจะจม คนบนเรือโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่จึงเป็นความหวังที่จะต้องรื้อทิ้งระบบบริหารเรือ เชิญทั้งกัปตันและกะลาสีชุดเดิมออก มองหากัปตันและกะลาสีชุดใหม่ที่มีศักยภาพมากกว่ามาแทน….ก่อนที่เรือจะจมมิดไปกว่าที่เป็น