กำแพงกันคลื่น…อนุสาวรีย์แห่งความอัปยศ - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

กำแพงกันคลื่นเป็นปัญหาคาราคาซังชายฝั่ง ผ่านทั้งการคัดค้าน ผ่านการประท้วงเรียกร้องต่าง ๆ นานามานานหลายปี ทั้งที่เรื่องน่าจะจบลงง่าย ๆ ด้วยการที่รัฐบาลจะยอมรับฟังนักนิเวศน์วิทยา นักวิทยาศาสตร์ นักอนุรักษ์ และนักวิชาการจำนวนมากที่มีทั้งหลักการ เอกสารอ้างอิง ผลการทดลอง ไปจนกระทั่งภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศที่แสดงบีฟอร์-อาฟเตอร์เป็นประจักษ์พยานชัดเจนถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของอภิมหาโปรเจคนี้ยืนยัน 

แต่เรื่องกลับยังคงดำเนินไปในทางตรงกันข้าม รัฐบาลก็ยังเพิกเฉย ไม่แม้แต่จะสั่งระงับโครงการ ไม่ว่าจะตลอดกาล หรือกระทั่งชั่วคราวเพื่อทำการศึกษารายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม EIA ซึ่งถูกเพิกถอนไปเฉย ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มโครงการเมื่อราวเจ็ดปีก่อน คงดึงดันเดินหน้าก่อสร้างกำแพงกันคลื่นซึ่งมาถึงปัจจุบันก็ได้มีการสร้างไปแล้วกว่า 74 แห่งทั่วประเทศต่อไป ซึ่งถ้านึกกลับไปก็เห็นว่าหาดเหล่านั้นมันอยู่ของมันมาดี ๆ มีความจำเป็นอะไรถึงต้องไปสร้างกำแพงขังประชากรเอาไว้จากทะเล 

ไม่ต้องพูดถึงทัศนียภาพอุจาดที่ทำลายความงามของหาดต่าง ๆ ยาวหลายกิโลเมตร ที่ถ้าเป็นในต่างประเทศ….ความอัปลักษณ์นี้แต่เพียงข้อเดียวก็เพียงพอให้ยกเลิกโครงการไปนานแล้ว ไม่รวมความความแข็งกระด้างแปลกปลอมของกำแพงคอนกรีตยักษ์ ที่มีบันไดฉาบด้วยตะไคร่น้ำลื่น ๆ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ที่แทนจะกันคลื่นถาโถมกลับเป็นตัวหักเหและเพิ่มแรงกัดกร่อน จนหาดด้านหน้ากำแพงเหือดหาย และหาดปลายกำแพงซึ่งต้องรับแรงสะสมจากคลื่นระดมกระหน่ำเว้าลึกเข้ามาในแผ่นดิน ยิ่งกว่านั้น ตัวกำแพงคอนกรีตเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งรับแรงกระทำได้มากอย่างที่เห็น หลายแห่งถูกพลังคลื่นซัดจนล้มพังระเนระนาด 

จากแท่งคอนกรีตอุจาดกลายเป็นกองคอนกรีตผุพังเหมือนเศษขยะขนาดยักษ์ 

ก็ในเมื่อสวยก็ไม่สวยมิหนำซ้ำยังน่าเกลียดมาก กันคลื่นก็ไม่ได้ซ้ำยังเร่งการกัดเซาะให้ยิ่งรุนแรง กำแพงก็หาได้คงทนไม่ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากเป็นอนุสาวรีย์อัปลักษณ์ประดับหาด กับยังส่งกระทบทั้งนิเวศน์ของสัตว์ทะเลกับวิถีประมงริมหาด 

ทำไมรัฐบาลจึงยังปล่อยให้โครงการนี้ดำเนินการก่อสร้างต่อไปไม่เลิกไม่รา ไม่ฟังคำคัดค้านทัดทาน ไม่เร่งศึกษาผลกระทบ ไม่ทำอะไรสักอย่าง 

ให้ตอบแทนก็คงตอบได้ยากลำบาก รายละเอียดการกัดเซาะเละเทะรุนแรงเป็นลูกโซ่ทนโท่ กับผลกระทบทางธรณีวิทยาและวิถีริมฝั่งเยี่ยงนี้หาได้ไม่ยากในอินเทอร์เน็ต เด็กปอสี่มาเห็นยังรู้ว่าต้องหยุดแล้ว และตามจริงไม่ควรริเริ่มทำอะไรพรรค์นี้ตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ มันไม่ใช่วิธีคิดที่ฉลาดที่จะทำโครงการใหญ่อะไรก็แล้วแต่ที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธรรมชาติมากขนาดนี้ โดยมีมหาสมุทรทั้งมหาสมุทรเป็นคู่ต่อสู้ มาถึงจุดนี้ก็แปลง่าย ๆ ได้ว่ากรมโยธาและผังเมืองจะเอาอย่างนี้…จะทำไม หมายความว่าหากไม่ยโสก็น่าจะต้องโง่มาก ด้วยว่าความเสียหายหนักหนาระดับนี้ถือเป็นความผิดพลาดสาหัส ไม่แค่ต้องหยุดทันควันตั้งแต่เมื่อหลายปีมาแล้ว ยังต้องเร่งรื้อแก้เป็นการใหญ่ด้วย 

ยิ่งกว่านั้น คนร่วมผลักดันโครงการต่อไปยังไม่ได้มีแต่กรม แต่ยังไล่ไปถึงกระทรวงและรัฐบาลด้วย เรื่องนี้ต่างหากที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ คนเราจะเขลาหมู่กันขนาดนี้ได้อย่างไร เป็นไปได้ที่ไหนกัน และในที่สุดในฐานะประชาชน เราก็ถูกบังคับให้ต้องกลับไปมองว่าโครงการนี้ใครได้ใครเสียจนได้…ผลประโยชน์ตกอยู่ที่ใคร 

ผลประโยชน์อันมาจากงบประมาณมหาศาลที่ตีคร่าว ๆ โดยประมาณคือกิโลเมตรละ 157 ล้าน 

แต่ละปีหน่วยงานต่าง ๆ จะทำตัวเลขขอไปทางกระทรวง กระทรวงจะตั้งงบเสนอของบประมาณแผ่นดิน ครานี้อภิมหาโครงการก่อสร้างที่ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทั่วประเทศนี้คือโครงการผูกพัน ยาวนานเป็นสิบปียี่สิบปี ที่ผ่านมาหกเจ็ดปีนี้คือสร้างไปแล้ว 74 แห่ง ใช้งบประมาณไปมูลค่า 6,900 ล้าน เห็นยังว่าทันทีที่ผ่านโครงการ ตัวเลขในแต่ละปีจะค่อนข้างชัดเจนแน่นอน เกือบ ๆ เหมือนกับผ่านตัวเลขรวมของสิบปีหนเดียว แล้วแบ่งจ่ายเป็นงวด ปีนี้เท่านี้ ปีต่อไปเท่านั้น ไม่เหมือนโครงการเล็กระยะสั้น หรืองานบริหารจัดการที่ว่ากันปีต่อปี 

จะเรียกได้ว่า เป็นโครงการอู่ข้าวอู่น้ำก็ได้ อันนี้ไม่ได้พูดไกลไปถึงเรื่องคอร์รัปชันอะไร ยังไม่ต้องถึงตรงนั้นก็ได้ คือไม่รู้ไม่ทราบว่ามีใต้โต๊ะอะไรอย่างไรที่ไหน เอาแค่ค่าคอมมิชชันสามัญสามสิบเปอร์เซ็นต์ตามปกติการจัดจ้างจัดซื้อเห็น ๆ ก็น่าสนใจจะแย่แล้ว 

สมมติว่าผู้เขียนอคติ สมมติว่ากรมโยธาและผังเมืองเจตนาดีต่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่มีวาระซ่อนเร้น ก็ไม่เห็นต้องยังไงเลย หยุดก่อสร้างก่อน ชั่วคราว ชั่วขณะ จัดทำรายงานด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เรียกประชุมสุมหัว มีนักวิชาการด้านต่าง ๆ นักนิเวศน์วิทยา นักอนุรักษ์ นักวิทยาศาสตร์ นักอะไรต่อนักอะไรก็เรียกมา อภิปราย ถกเถียง ไม่ใช่สร้างต่อไปเรื่อย ๆ ก่อความเสียหายเละเทะยาวเป็นกิโล ๆ ตามหาดฝั่งไปเรื่อย ๆ แล้วยืนยันว่าคิดถูก คิดดี 

รัฐบาลจำเป็นต้องแสดงความจริงใจในเรื่องนี้กว่าใคร และออกมาชี้แจงต่อสาธารณะว่าจะจัดการโครงการนี้ต่อไปอย่างไร ครั้งหลังสุดที่เห็นภาพถ่ายทางอากาศของหลายต่อหลายหาดนี้คือ พูดได้คำเดียวว่างบประมาณมหาศาลนี้ถูกผ่านเพื่อการทำลายล้างโดยแท้ และมันไม่แฟร์ ไม่แฟร์เลยที่รัฐบาลจะยืนกรานปล่อยให้กรมกองในปกครองของตัวเองทำสิ่งผิดพลาดนี้ต่อไปอำเภอใจ 

ประชาชนเองก็ต้องหวงแหนแผ่นดิน และสนใจในสิ่งที่รัฐบาลทำมากกว่านี้ ภูเขาทุกลูก ชายหาดทุกแห่ง ป่า เมืองเป็นของเราทุกคน เป็นเรื่องที่เราต้องเรียกร้องให้ผืนแผ่นดินและทรัพยากรได้รับการปกป้อง และพัฒนาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยตามเลย เอาหูไปนาเอาตาไปไร่…ตรงนั้นไม่ใช่บ้านฉัน ทุกตารางนิ้วของประเทศคือบ้านของเราทุกคน

หากไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงลูกหลาน อย่างน้อยที่สุดพวกเขาต้องมีสิทธิ์มีชายหาดให้วิ่งเล่นเหมือนคนรุ่นก่อน แค่ลิดรอนเอาชายหาดไป นี่ก็ผิดมากแล้ว 

…ผิดมากไม่รู้จะผิดยังไง