โรคติดต่ออุบัติใหม่ชื่อหวาดระแวง - Decode
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

โลกอยู่กับโควิด 19 มาปีเศษแล้ว 

แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นเปอร์เซ็นต์จะน้อยลง ไม่ล้มตายใบไม้ร่วงเหมือนเมื่อแรกระบาด ซึ่งเป็นผลจากการรู้จักโรคมากขึ้น สามารถจับทางรักษาได้แม่นยำกับค้นพบยาที่ช่วยประคับประคองให้ผู้ป่วยผ่านช่วงวิกฤตได้มากขึ้น กระนั้นในการกลับมาระบาดครั้งที่สองก็ดูจะแพร่ขยายรวดเร็วกว่าเดิม ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มมากอย่างน่ากลัวอยู่ดี ขณะที่ความเสียหายด้านสุขภาพและเศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป และวัคซีนยังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนหรืออาจจะถึงหลายปี กว่าจะสามารถป้องกันได้ทุกสายพันธ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และผลิตได้มากพอแจกจ่ายได้ทั่วถึง

หลายประเทศต้องล็อกดาวน์ประเทศ เมืองทั้งเมืองหรือน้อยที่สุดคือปิดบางส่วน พร้อมกับออกกฎเข้มงวดกับการเว้นระยะทางสังคม บริษัทต่าง ๆ ออกมาตรการให้พนักงานเวิร์คฟรอมโฮม เด็ก ๆ ก็เรียนหนังสือฟรอมซูม การกักตัวทั้งขาเข้าประเทศอื่นและขากลับก่อนเข้าประเทศตัวเองทำให้การเดินทางท่องเที่ยวถูกงดเว้นโดยปริยาย และไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ระบาดหนักหรือไม่ ประชาชนก็ได้รับคำแนะนำ และในหลาย ๆ ที่…บังคับให้งดออกจากบ้านนอกจากจำเป็นจริง ๆ  สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะกับล้างมือบ่อย ๆ

ทุกคนบนโลกถูกทำให้หวาดกลัวโรคโควิด 19 และลืมว่าหวาดระแวงก็เป็นความป่วยไข้อย่างหนึ่ง

ปัจเจกชนคนรักอิสระทั่วไปจำต้องถูกทำให้ตระหนกระดับหนึ่งถึงจะงดออกจากบ้านไปไหนมาไหนได้ เราต้องถูกทำให้กลัวมากพอทีเดียวที่จะโดดเดี่ยวเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่พบปะข้องเกี่ยวกับผู้คนนานหลาย ๆ วัน หรือหลาย ๆ เดือนจนเป็นปีเช่นที่เป็นมา เราต้องถูกทำให้หวาดระแวงประมาณหนึ่งทีเดียวถึงหลบเลี่ยงการกระโดดกอดคอเพื่อนรักตอนเจอหน้า พูดคุยกับผู้คนห่าง ๆ และระมัดระวังพิเศษเมื่อต้องเฉียดผ่านคนแปลกหน้า 

…ทำในสิ่งพิลึกพิลั่นที่บัญญัติเรียกสวยงามว่านิวนอร์มัล 

การถูกตรวจสอบอุณภูมิกับลงทะเบียนตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะห้างร้าน ที่ทำงาน ทุกแห่งหนสาธารณะยังทำให้คนรู้สึกเสมือนถูกตรวจสอบจ้องจับผิดทุกฝีก้าว การเห็นขวดแอลกอฮอลล์วางอยู่ทุกที่ที่ใช้งานร่วมกันเช่นห้องน้ำ ลิฟท์ ประตูยังกระตุ้นความกลัวเชื้อโรคที่องไม่เห็น การล้างมือบ่อย ๆ เกือบจะตลอดเวลาอย่างที่เราทำเป็นประจำทั้งวันอยู่นี้ หากเป็นในโลกปกติก่อนหน้าโควิด 19 จะถูกระบุเป็นเป็นข้อบ่งชี้แรกเริ่มของการป่วยทางจิต และแน่นอน การทำเหมือนคนป่วยจิตก็สามารถสร้างปฏิกิริยาด้านกลับทำให้เราป่วยจิตและวิตกหวาดระแวงได้กัน

การต้องใส่หน้าอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกบ้านก็เป็นนอร์มัลที่ไม่นอร์มัลแม้แต่น้อยในความเป็นมนุษย์ปุถุชน บางคนใส่ถึงกับใส่เดินในที่โล่ง ขณะขับรถหรือขี่จักรยานยนตร์ด้วยซ้ำ ในโลกปรกติก่อนหน้าการใส่หน้ากากไม่ได้ถูกรับรู้ในแง่ป้องกันมากนัก เว้นแต่สำหรับคนที่ทำงานในที่ที่มีผุ่นผงหรือสารเคมี หรืออยู่เมืองถูกถล่มด้วยพีเอ็ม2.5 ซึ่งก็แค่ในบางฤดูกาล หรือทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่คือป้องกันไม่ให้เอาเชื้อไปให้ผู้ป่วยมากกว่า เราคุ้นชินกับความเข้าใจว่าการใส่หน้ากากคืออำพราง ปิดบัง ไม่เปิดเผย และไม่จริงใจ ถึงกับมีคำเรียกสังคมไร้ความจริงใจว่าเป็นสังคมที่ผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน โดยไม่รู้ตัว…ปีกว่ามาแล้วที่เราอยู่กับความรู้สึกว่าทุกคนรอบตัวล้วนไม่จริงใจ ไม่เปิดหน้าคุย ไม่เผชิญหน้า 

ปีกว่ามาแล้วที่เราอยู่โดยไม่ไว้วางใจกันอย่างที่เคยเป็นมา

ยังไม่รวมการล็อคดาวนปิดเมือง…ภาพอันน่าพรั่นพรึงที่ปรากฏเนืองนิตย์เป็นระยะตามสื่อต่าง ๆ …ร้านรวงทั้งถนนปิด  สนามบินร้าง บ้านเมืองไร้ผู้คนมืดหม่นมัวซัวชวนให้นึกถึงซีนหนังฆาตกรรม ตามมาด้วยภาพข่าวการโรงงานปิด  อาชญากรรมและอัตวินิบาตกรรมที่เพิ่มมากอย่างน่าตกใจจากคนตกงาน คนไร้บ้านที่ผู้คนมักมีอคติไม่ไว้ใจที่ทวีจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัดตามข้างถนน  

ไม่รวมแนวคิดจากหนังที่ฝังใจและคอยกระตุ้นความหวาดระแวงต่อสิ่งที่มองไม่เห็น  อย่างหนังดิสโทเปียเมื่อโลกถึงกาลล่มสลาย หนังซอมบี้ที่ใครสักคนที่เรารู้จักหรือรักอาจติดเชื้อมรณะและกลายร่างเป็นอื่นเมื่อถึงเวลา  หนังระทึกขวัญที่คนถูกยึดครองร่างอย่างลับๆ โดยเอเลี่ยนและอาศัยปะปนอยู่ในหมู่มนุษย์โดยไม่มีใครรู้  กระทั่งหนังผีที่มีคนถูกสิงสู่โดยวิญญาณคนตายไม่ก็ปีศาจ 

จะว่าไปไม่ต้องอะไรมาก อยู่เฉย ๆ เราทุกคนก็จิตตกกันในระดับต่าง ๆ ขึ้นมาเฉย ๆ ได้ จากการไม่ได้ขยับร่างกาย เล่นกีฬา เข้ายิม ไม่ได้ใช้พลังงานเดินทางไปกลับที่ทำงาน เดินห้างจับจ่าย นวดผ่อนคลาย ไม่ได้พบปะเพื่อนฝูง พูดคุย  สังสรรค์ เต้นระบำ ทำกิจกรรม

…โลกถูกลากจากความกลัวโรคระบาดเข้าสู่ความหวาดระแวงกันและกันเอง

ในประเทศที่เจริญและมีรัฐบาลฉลาด ๆ หากต้องล็อคดาวน์ปิดเมือง รัฐจะจ่ายเยียวยามหาศาล เพื่อประคับประคองธุรกิจน้อยใหญ่ให้อยู่รอด รักษาตำแหน่งงานให้ประชาชน รอจะกลับมาดำเนินการได้ทันทีที่การแพร่ระบาดผ่านพ้น นี่คือการลดจำนวนคนตกงานและคนไร้บ้าน ลดอาชญากรรม ลดความเสื่อมทรามทางสังคม ที่สำคัญคือลดความป่วยไข้ทางใจในสังคม ปกป้องประชากรให้ไม่ต้องผจญกับหิวและวิตกกังวลเรื่องปากท้อง มีสุขภาพจิตเข้มแข็งพอที่จะจัดการเรื่องอื่น ๆ กับประคองตนไปในสภาวะจำกัด พักผ่อนกับบ้าน และพร้อมร่วมสร้างประเทศให้ฟื้นคืนจากความบอบช้ำทางเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพและสร้างสรรค์ 

ในประเทศที่เจริญแล้ว รัฐจะลงทุนตรวจปูพรมเพื่อระบุตัวคนติดเชื้อ ให้คำแนะนำการกักตัวเองไม่ให้ออกไปเพ่นพ่านในระดับที่อาการไม่หนัก เพิ่มสถานกักโรคเพื่อดูแลผู้ป่วยระดับกลาง และเพิ่มเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยหนัก ในประเทศที่เจริญแล้ว รัฐจะทำทุกวิถีทางที่จะให้ประชากรของตนได้รับวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงที่สุดเพื่อลดความหวาดกลัวกันเอง  และเพื่อให้สังคมกลับไปสู่จุดปกติเร็วที่สุด เพราะนิวนอร์มัลทั้งหลายนั้นมันจะยาวนานเป็นนอร์มัลไม่ได้ มันเป็นภัยต่อการดำรงอยู่ของสังคมที่เข้มแข็ง เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่ออยู่อย่างหวาดระแวง

เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะสร้างความมั่นใจสูงสุด และลดความกดดันหวาดระแวงให้มากที่สุด 

ตัดภาพมาที่ประเทศที่มีรัฐบาลไม่ค่อยฉลาดนัก ทุก ๆ วันรัฐจะบอกให้ประชาชนตั้งการ์ด…การ์ดอย่าตก ผลักประชากรให้อยู่ในโหมดไฟท์ พร้อมบวก พร้อมลงโทษคนติดเชื้อราวกับคนคนนั้นเป็นคนบาปไร้ศีลธรรม ประณามคนที่แพร่เชื้อไปติดคนอื่นไม่ตั้งใจราวกับเป็นอาชญากร สร้างภาวะแปลกแยกทางเชื้อชาติ ประชากรจะรังเกียจเดียดฉันท์กันเอง และต่อต้านคนนอกถึงขั้นไม่ขายสินค้าให้เมื่อมีการระบาดในหมู่แรงงานต่างชาติ งดเดินทางไปจังหวัดที่มีคนติดเชื้อไม่กี่คน ซึ่งเท่ากับปิดและทำลายเศรษฐกิจเมืองโดยปริยาย ไม่รวมอาละวาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่คนไม่รู้จักที่ไม่สวมหน้าตามถนน ไปจนถึงเรื่องไม่เกี่ยวกันกับโควิด19 เลย อย่างนินทาว่าร้ายกันเอง ก่นด่าใครไม่รู้ในโซเชี่ยลเป็นวรรคเป็นเวรไม่เลิกรา  ฉุนเฉียวเลือดร้อนพร้อมจะทะเลาะทำร้ายกันด้วยเรื่องเล็กน้อย 

สรุปคือสังคมมีคนกระพร่องกระแพร่งทางใจเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในระดับต่าง ๆ หนักหน่อยคือคลุ้มคลั่ง รองลงมาก็ประสาทรับประทาน เบาบางที่สุดคือนิสัยไม่ดี สังคมอุดมคนนิสัยไม่ดีจะสร้างสรรค์ จะเยียวยาตัวเอง จะฟื้นคืน และเติบโตได้อย่างไร    

จะหวังให้รัฐสยบความกลัว ช่วยให้สังคมดำเนินไปอย่างเข้มแข็งท่ามกลางโรคระบาดดูจะเป็นหวังเลื่อนลอย ปีที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลไม่ได้ตระหนักในความความรู้สึกนึกคิดของผู้คนสักเท่าไหร่…เรียกว่าชอบให้ประชากรเครียดหนักๆ ด้วยซ้ำไป ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเล่าก็ด้วยอยากให้เห็นภาพว่านี่มันหนังสยองขวัญชัด ๆ สภาวะที่เรากำลังอยู่ร่วมกันนี้ ที่แย่กว่าอะไรทั้งหมด เราไม่รู้เลยว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพที่ว่าไปอีกนานเท่าไหร่ หรือจะผ่านการระบาดออกมาในสภาพยับเยินเพียงไร โดยเฉพาะหลังเศรษฐกิจที่พังอยู่แล้วยิ่งพินาศไปอีก โดยยังไม่มีมาตรการเป็นรูปธรรมออกมารองรับ โดยที่ใครๆ ในโลกได้วัคซีนกันหมดแล้วและเรายัง โดยโลกเริ่มฟื้นคืนจากการหยุดทะยานออกไปสู่อนาคตด้วยก้าวกระโดด  หลังพักผ่อนหยุดนิ่ง และพร้อมจะชดเชยปีที่สาบสูญจากปฏิธินและความเสียหายมากมาย

จะบอกว่าโปรดอย่าละเลยการใช้ชีวิตมีสุขภาพทั้งกายและใจค่ะ หาทางออกกำลังกายบ้าง เก็บกวาดบ้าน  ทำสวน  พบปะคนบางคน ปั่นจักรยานแถวบ้าน ปลดหน้ากากเดินในที่โล่งแจ้งให้ใบหน้าได้สัมผัสแดดอ่อน พกเจลสวมหน้ากากออกไปดูหนัง ทานอาหารในร้าน เลือกร้านเล็ก ๆ สแตนด์อะโลนช่วยประคับประคองธุรกิจสายป่านสั้นไม่ให้ล้มหาย

ไม่มีอะไรทำก็แต่งเพลง วาดรูป เขียนนิยาย หาอะไรสร้างสรรค์ทำ ประคับประคองความเป็นมนุษย์ของเราไว้ให้ร่าเริงเบิกบาน เพื่อเมื่อโรคระบาดนี้ผ่าน ยังไงก็ต้องผ่าน มันเป็นสัจธรรม เราจะลุกขึ้นยืนกลับคืนอย่างสง่างาม 

หากหาอะไรทำไม่ได้หางานอาสาสมัครทำค่ะ  มันช่วยให้เรามีคุณค่าและสำเหนียกคุณค่าของตัวเองได้  และปกป้องเราจากความบ้าได้

…ในประเทศที่รัฐไม่ตระหนักถึงพิษสงโรคหวาดระแวงอันไร้ยารักษาได้นี้